×

ราช กรุ๊ป จ่อปิดดีลร่วมทุนธุรกิจเชื้อเพลิงอนาคต-ไฮโดรเจนจำนวน 2 โครงการในต่างประเทศ คาดได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้

13.12.2023
  • LOADING...

บมจ.ราช กรุ๊ป เน้นลงทุนธุรกิจในกลุ่มประเทศออสเตรเลีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ เล็งขยายลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าทั้งกรีนฟิลด์และแบบซื้อกิจการ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่อีกปีละไม่น้อยกว่า 700 เมกะวัตต์ คาดทั้งปีนี้กวาด EBITDA แตะ 12,000 ล้านบาท

 

ชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ราช กรุ๊ป หรือ RATCH เปิดเผยว่า แผนการสร้างการเติบโตธุรกิจของบริษัทปี 2566 ได้มุ่งพัฒนาและลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าที่มีอยู่แล้วและโครงการใหม่ในออสเตรเลีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์เป็นหลัก ขณะเดียวกันก็มีการขยายธุรกิจนอกภาคผลิตไฟฟ้า และธุรกิจเชื้อเพลิงอนาคต เช่น เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อร่วมลงทุนใน 2 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ แนวทางดังกล่าวนี้จะทำให้บริษัทมีกระแสเงินสด รวมทั้งมีรายได้สม่ำเสมอและมั่นคงยิ่งขึ้น โดยมีการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าใหม่และพัฒนาโครงการที่มีอยู่ในพอร์ตการลงทุน ซึ่งดำเนินการแล้วกว่า 10 โครงการ

 

ทั้งนี้ บริษัทยังเน้นการบริหารโครงการโรงไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างให้แล้วเสร็จและเดินเครื่องได้ทันกำหนดเวลาตามที่สัญญาระบุไว้ โดยมีกำลังผลิตตามสัดส่วนลงทุนรวม 2,918.23 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2567-2576

 

สำหรับในปี 2567 บริษัทจะมีกำลังการผลิตเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นอีก 459 เมกะวัตต์ จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมหินกอง ชุดที่ 1 กำลังผลิตตามสัดส่วนลงทุน 392.70 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าอาร์ อี เอ็น, โครงการโรงไฟฟ้าสหโคเจนใหม่ และโครงการโรงผลิตไฟฟ้านวนครส่วนขยายระยะที่ 3

 

ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าหินกอง ชุดที่ 1 ซึ่งบริษัทรับรู้กำลังผลิตตามสัดส่วนลงทุน 392.70 เมกะวัตต์ มีกำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนมีนาคม 2567 ปัจจุบันได้ดำเนินการจัดหาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเหลวผ่านทางบริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งได้ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลวระยะเวลา 3 ปี กับ Gunvor Singapore Pte. Ltd. โดยจะมีการส่งมอบในปริมาณปีละ 0.5 ล้านตัน และการส่งมอบครั้งแรกจะดำเนินการในเดือนมีนาคม 2567

 

สำหรับประเทศออสเตรเลีย ถือเป็นฐานธุรกิจด้านพลังงานทดแทนที่สำคัญ โดยมีบริษัท ราช-ออสเตรเลีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาและลงทุน บริษัทเล็งเห็นศักยภาพและโอกาสที่จะขยายการลงทุนด้านพลังงานทดแทน และการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการเสริมความเชื่อถือและความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในช่วงที่ออสเตรเลียกำลังจะเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่เป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 บริษัทศึกษาเพื่อพัฒนาโครงการที่จะสนับสนุนยุทธศาสตร์ด้านพลังงานสะอาดและความมั่นคงระบบไฟฟ้าของออสเตรเลีย ซึ่งถือเป็นธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพมาก โดยมีแนวคิดยกระดับสินทรัพย์โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเพื่อให้บริการผลิตไฟฟ้าและเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาและคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้

 

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 152 เมกะวัตต์ ร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน 81 เมกะวัตต์ ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการพลังงานลมขนาดใหญ่ประมาณ 120 เมกะวัตต์ ในรัฐควีนส์แลนด์ ตลอดจนการพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานขนาด 100 เมกะวัตต์ เพื่อกักเก็บพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งผลิตพลังงานทดแทนและจำหน่ายผ่านระบบสายส่ง ส่วนเวียดนาม บริษัทได้ศึกษาศักยภาพและโอกาสการลงทุนจากแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติฉบับที่ 8 ซึ่งมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตถึง 150 กิกะวัตต์ โดยร้อยละ 40 จะเป็นพลังงานทดแทน

 

ปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินการผ่านบริษัทร่วมทุนในการขยายฐานธุรกิจ โดยมีการศึกษาและพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม อีกทั้งยังมีแผนที่จะเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วเช่นกัน สำหรับฟิลิปปินส์ บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่มีอยู่แล้ว ได้แก่ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์เนโกรส ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 2567 โครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งในอ่าวซานมิเกล และโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งลูเซียนาบนเกาะลูซอน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้างได้ในปี 2568

 

ส่วนแนวโน้มในอนาคต บริษัทยังคงยึดธุรกิจผลิตไฟฟ้าเป็นธุรกิจหลักในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยการพัฒนาธุรกิจและลงทุนจะมุ่งขับเคลื่อนโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย พร้อมทั้งจะขยายไปสู่ตลาดแห่งใหม่ โดยเน้นประเทศที่พัฒนาแล้ว และให้น้ำหนักการลงทุนทั้งแบบกรีนฟิลด์และการซื้อกิจการให้มีความสมดุลเพื่อบริหารกระแสเงินสดและรายได้ของบริษัท

 

โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตปีละไม่น้อยกว่า 700 เมกะวัตต์ ส่วนการบริหารโครงการและสินทรัพย์เน้นการบริหารงบประมาณโครงการและก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลาของสัญญา รวมทั้งจัดการประสิทธิภาพและต้นทุนการผลิตของโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องด้วย นอกจากนี้ยังจะให้ความสำคัญกับการบริหารกระแสเงินสด ต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เป้าหมาย EBITDA เติบโตถึง 12,000 ล้านบาท ในปี 2566 และรักษาความสามารถในการสร้าง EBITDA ที่ไม่น้อยกว่าระดับดังกล่าวในปีต่อๆ ไปในอนาคต

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising