วันนี้ (14 มกราคม) รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่างถึงเหตุการณ์เช้าวันนี้ ในงานรับปริญญาที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวนักกิจกรรม 2 คนที่ไปชูป้ายรณรงค์ไม่รับปริญญา
โดยจากคลิปถ่ายทอดสดเหตุการณ์ จะได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวอ้างทำนองว่าการกระทำของ 2 นักกิจกรรมดังกล่าวเป็นการสร้างความแตกแยก และการจับกุมเกิดขึ้นหลังจากที่ทั้ง 2 คนเดินเท้าไปยังประตูหน้าพื้นที่ที่มีการจัดพิธีพระราชทานปริญญาบัตร (แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน) โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าได้เข้าใกล้พื้นที่จัดพิธีแล้ว ไม่เป็นที่ชัดเจนขณะจับกุมว่าได้แจ้งว่ากระทำความผิดอะไร
แต่ในเวลาต่อมา ผลปรากฏว่าทางตำรวจได้แจ้งข้อหาแก่ทั้ง 2 คน ว่า
- ทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึง และ
- ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน
เปรียบเทียบปรับทั้งคู่เป็นจำนวนเงิน 1,500 บาท ไม่มีเรื่องการสร้างความแตกแยกหรือการเข้าใกล้เขตพิธีที่ตำรวจกล่าวอ้างก่อนหน้านี้ถูกนำมาตั้งข้อหา
รังสิมันต์ระบุว่า ยังไม่นับว่าจุดที่เกิดการจับกุมเป็นพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจภูธร (สภ.) ภูพิงค์ราชนิเวศน์ แต่เมื่อจับกุมทั้ง 2 คนแล้วกลับนำตัวไปยัง สภ.สันกำแพง โดยอ้างว่าตำรวจ สภ.ภูพิงค์ฯ ต้องกลับไปรับเสด็จฯ ที่งานรับปริญญาต่อ
ตนเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้อาจเป็นการใช้กฎหมายอย่างบิดเบือน เพื่อทำลายเสรีภาพของประชาชนได้ เพราะในการจับกุมที่เกิดขึ้นนั้น สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามกล่าวอ้างเพื่อให้นักกิจกรรมหยุดการกระทำ ไม่ว่าจะข้ออ้างเรื่องการสร้างความแตกแยก ข้ออ้างเรื่องการเข้าใกล้เขตพิธี กลับไม่ได้อยู่ในข้อหาที่ได้ตั้งไว้ภายหลัง (ซึ่งนั่นหมายความว่าที่กล่าวอ้างไปนั่นอาจไม่เป็นเหตุตามกฎหมายที่จะให้หยุดการกระทำจริงๆ ได้) ในขณะที่ข้อหาเรื่องการส่งเสียงอื้ออึงหรือฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานนั้นก็ไม่เคยมีการแจ้งให้ชัดตั้งแต่แรก ทั้งที่ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นอยู่ในวิสัยที่เจ้าหน้าที่สามารถแจ้งได้ แต่กลับหามาเพิ่มเติมข้อหาในภายหลังเพื่อให้ดูมีเหตุแห่งการจับกุม ซึ่งผลของการจับกุมแบบงงๆ นี้ทำให้นักกิจกรรมทั้ง 2 คนไม่สามารถจัดกิจกรรมรณรงค์ได้อย่างลุล่วง
รังสิมันต์กล่าวต่อไปว่า การจะรณรงค์ให้รับหรือไม่รับปริญญานั้นเป็นเสรีภาพที่ประชาชนพึงกระทำได้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้สังคมได้รับรู้ว่าพิธีรับปริญญาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้นมีข้อดีข้อเสียอย่างไร และนำไปสู่การตัดสินใจทั้งในระดับปัจเจกบุคคลและในระดับนโยบายต่อเรื่องดังกล่าวในอนาคต จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช้านี้ นักกิจกรรมทั้ง 2 คนก็เพียงแค่ชูป้ายและตะโกนรณรงค์อยู่ด้านนอกพื้นที่พิธี ไม่ได้มีผลเป็นการขัดขวางไม่ให้พิธีพระราชทานปริญญาบัตรดำเนินต่อไปไม่ได้เลย แต่การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมด้วยข้ออ้างที่เลื่อนลอยและข้อหาเล็กๆ น้อยๆ ที่เพิ่มมาภายหลังนี้ เห็นได้ชัดว่าวัตถุประสงค์เป็นไปเพื่อไม่ให้ประชาชนได้ใช้เสรีภาพที่พวกเขาพึงมีพึงใช้
อีกทั้งการใช้กฎหมายที่บิดเบือนแบบนี้เป็นภัยต่อทั้งระบบกฎหมาย ต่อทั้งเสรีภาพของประชาชน ต่อทั้งความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่ และต่อทั้งสถาบันที่เจ้าหน้าที่ผู้ใช้กฎหมายอ้างว่ากำลังคุ้มครองอยู่