×

แรงเงา 2 เป็นละครตลก ความประดักประเดิดของเรื่องราว และเสียงค่อนแคะจากผู้ชมคือคำตอบ

04.06.2019
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • แรงเงา 2 พยายามดำเนินเรื่องด้วยแก่นแห้งๆ ที่ว่าด้วย ‘การที่มุนินทร์จะถูกเอาคืนบ้าง’ หมายถึงภาคที่แล้วเธอทำเวรทำกรรมอะไรไว้ มาในภาคนี้เธอจะต้องได้รับบทเรียนคืนไป แต่กลายเป็นว่าคนที่ควรได้รับบทเรียนคืนไปคือผู้จัดละครและช่องมากกว่า ที่ปล่อยผ่านละครเรื่องนี้มาสู่สายตาประชาชนแบบงงๆ ได้อย่างไร?

“แรงเงา 2 เป็นละครตลก”

นี่คือประโยคแรกที่เราได้ยินเพื่อนพูดกันในช่วงแรกๆ ที่ละครภาคต่อฟอร์มยักษ์ของบ้านพระรามสี่ออนแอร์ เหตุไฉนกันที่ละครที่เคยยืนหนึ่งเรื่องเรตติ้งเมื่อ 7 ปีก่อน กลายมาเป็นเพียงละครตลกที่ใครๆ ก็แซวขรมทั่วบ้านทั่วเมือง ทั้งยังสร้างปรากฏการณ์สะเทือนช่องด้วยการรวบรัดตัดจบแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยในวันนี้ (4 มิถุนายน) หลังจากฉายมาได้เพียง 10 ตอน จากทั้งหมด 14 ตอน ตัดห้วนขนาดที่ละครอีกฟากอย่าง ‘หัวใจศิลา’ ที่ฉายมาตั้งแต่ก่อน แรงเงา 2 จะมา ตอนนี้ยังเดินทางไม่ถึงตอนอวสานเลย งงไหมล่ะ?

 

จริงๆ ละคร ‘แรงเงา’ มีแฟนๆ ชื่นชอบอยู่มากมาย ตั้งแต่เวอร์ชันของแอน ทองประสม และเคน ธีรเดช เมื่อปี พ.ศ. 2544 ก่อนจะมาเป็นเวอร์ชันพีกสุดๆ ในปี พ.ศ. 2555 แรงเงา เป็นบทประพันธ์ของ นันทนา วีระชน ผู้เคยฝากผลงานเยี่ยมๆ อย่าง ปีกมาร, เมียแต่ง นับได้ว่าเป็นหนึ่งในละครที่นำเสนอเรื่องราวประเภทเมียน้อย-เมียหลวงที่มีบริบทของสังคม และสถาบันครอบครัวเป็นตัวเสริมกำลังความแข็งแกร่งอย่างดี ซึ่งสิ่งที่ทำให้ผู้ชมอยากติดตามคือการแก้แค้นแทนฝาแฝดของ ‘มุนินทร์’ สาวมั่น ฉลาด และมีเสน่ห์ เธอเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่ไม่ยอมคน แข็งแกร่ง และมีเหตุมีผลในการกระทำ

 

แต่กลับกัน ในภาคนี้เธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน และไม่ใช่แค่เธอ แต่เราหมายถึงทุกตัวละครในโลกของ แรงเงา ภาคนี้ อารมณ์และการตัดสินใจของตัวละครที่พลิกไปพลิกมาประหนึ่งว่าระยะเวลา 4 ปีที่ห่างหายกันไป (ในช่วงเวลาของละคร) พวกเขาประสบอุบัติเหตุที่ส่งผลต่อระบบความจำและบุคลิกภาพก็เป็นได้ และนี่น่าจะเป็นเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ แรงเงา 2 เป็นละครที่แฟนๆ ผิดหวัง แต่หากมองเป็นละครตลกเรื่องหนึ่ง เราถือว่าพวกเขาทำได้โอเคทีเดียว เพราะมันเผลอเรียกเสียงหัวเราะเราได้เสมออย่างไม่รู้ตัว

 

Photo: Mello

 

7 ปีอาจนานเกินไปที่จะสานต่อความแค้น

ถ้าหากเราพูดถึงเรื่องความคาดหวังจากผู้ชม ‘แรงเงา 2’ คงได้สิ่งนั้นไปเต็มๆ เพราะละครเรื่องนี้เคยอยู่ในฐานะละครที่ฮอตฮิตติดลมบนจนคว้าเรตติ้งสูงสุดประจำปีนั้นไปครอบครอง มีการนิยามวันที่ละครออนแอร์ว่าเป็น ‘วันแรงเงาแห่งชาติ’ แถมกระแสของนางเอกสาว เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ต้องนับว่าเป็นจุดสูงสุดหนึ่งในชีวิตการทำงานของเธอ (สูสีกับบทใจเริงเหลือเกิน) แต่เมื่อภาคใหม่นี้ออนแอร์ ก็ดูเหมือน แรงเงา จะกลายเป็นเพียงเงาลางๆ ไม่มีตัวตนไปเสีย ทั้งๆ ที่ได้ทีมนักแสดงเดิมกลับมาแบบครบถ้วน ผู้กำกับคนเดิมอย่าง เติม-ชนินทร ประเสริฐประศาสน์ บทประพันธ์จากนันทนา วีระชน เหมือนเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือเรื่อง ‘บท’ เพราะได้ทีมที่ชื่อว่า ‘Anonymous’ มาเขียนบท

 

แรงเงา 2 พยายามดำเนินเรื่องด้วยแก่นแห้งๆ ที่ว่าด้วย ‘การที่มุนินทร์จะถูกเอาคืนบ้าง’ หมายถึงภาคที่แล้วเธอทำเวรทำกรรมอะไรไว้ มาในภาคนี้เธอจะต้องได้รับบทเรียนคืนไป แต่กลายเป็นว่าคนที่ควรได้รับบทเรียนคืนไปคือผู้จัดละครและช่องมากกว่า ที่ปล่อยผ่านละครเรื่องนี้มาสู่สายตาประชาชนแบบงงๆ ได้อย่างไร?

 

โอเค เราเข้าใจว่าภาคนี้มุนินทร์จะต้องถูกแก้แค้นเอาคืนจากตัวละครทั้ง รัชนกแอนด์เดอะแก๊งก็ดี หนูฤทัยก็ดี หรือทีมกระทรวงเก่าก็ดี แต่บทละครกลับพาให้มุนินทร์กลายไปเป็นผู้หญิงอ่อนไหว อ่อนแอ ไม่ทันคน ราวกับคนเขียนบทไม่เคยได้ดูละครภาคแรกอย่างนั้นแหละ! และการแก้แค้นที่ดูไม่สมเหตุสมผลของตัวละครอื่นๆ ก็ยิ่งพาให้เรื่องราวไม่น่าติดตาม และเมื่อมีแต่ตัวละครกระทำอะไรบางอย่างที่ดูไม่สมเหตุสมผลหรือ ‘ไม่ฉลาด’ แฟนๆ ก็พร้อมตีจากได้ง่ายๆ เลย

 

Photo: Mello.me

 

บทโทรทัศน์นับเป็นข้อเสียที่สุดของ แรงเงา 2 ที่ทำให้ตัวละครมีพัฒนาการแบบผิดวิสัยมากๆ ทำให้ตัวละครที่ผู้ชมเคยรู้จักเปลี่ยนไปอย่างไม่มีชั้นเชิง ซึ่งหลังจากฟังบทสัมภาษณ์นักแสดงนำจากหลายๆ รายการแล้ว ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “เรื่องราวจะค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ ผู้ชมจะได้รู้ว่าแต่ละตัวละครมีปมหรือมีพัฒนาการความแค้นนี้มาจากอะไร พวกเขาทำแบบนี้เพราะอะไร” แต่โทษที เผอิญผู้ชมอาจไม่มีเวลาดูมากขนาดนั้น หรือเป็นเพราะเรื่องราวมันไม่น่าติดตามจริงๆ เราจึงไม่อินไปกับเรื่องราวที่พวกเขากำลังเล่าเท่าไรเลย และอาจบอกได้ว่าระยะเวลาที่ แรงเงา ร้างหน้าจอไป 7 ปีก่อนจะมีภาคต่อ นับเป็นเวลาที่นานเกินไปสำหรับแฟนละคร

 

ความสาระแนและประดักประเดิดของตัวละคร

สิ่งหนึ่งที่ยังคงเข้มข้นมากๆ ในโลกของ แรงเงา คืออากัปกิริยาสอดรู้สอดเห็น ความสาระแนของตัวละครที่จะต้องรู้ทุกเรื่อง ออกความคิดเห็นกับทุกสิ่ง ก่อนจะจบด้วยการมีซีนเพื่อพูดประโยคเด็ดไว้สำหรับตัดมาทำเป็นไฮไลต์ลงยูทูบสำหรับแฟนๆ ที่ไม่อยากดูเต็มๆ เรื่อง แรงเงา 2 มอบความขุ่นเคืองให้แฟนๆ ตั้งแต่ในตอนแรกๆ ที่ปล่อยแก๊งตัวละครสเตรทที่มี ‘มาร์ก’ รับบทโดยมิค-บรมวุฒิ เป็นหัวโจก มานั่งๆ ยืนๆ พูดจาแดกดันประชดประชันจิกกัดตัวละครเอก ประหนึ่งเด็กมัธยมสาวดักรอคู่อริที่โรงอาหารตอนกลางวันหลังออดดัง ตลกสิ! ละครอาจจะอยากลองนำเสนอภาพใหม่ๆ ของสังคมไทยก็เป็นได้ ที่ให้ตัวละครจับกลุ่มนินทาคนอื่นอย่างออกรสเหมือนละครไทยเรื่องอื่นๆ แต่เปลี่ยนภาพจากเพศหญิงเป็นเพศชาย ก็ดูจะเป็นเหตุผลที่ใกล้เคียงที่สุดที่เราอยากจะเข้าใจผู้เขียนบทแล้ว

 

หรือจริงๆ แล้ว แรงเงา 2 ต้องการทำตัวเองเป็นละครล้อเลียน (Parody) เนื่องด้วยบริบทของตัวละครที่มีพัฒนาการแบบงงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายแบบที่จะอ้างไม่ได้ว่ามันเป็นธรรมชาติของคน เพราะมันดูเกินจริงไปมาก รวมถึงบทละครที่ยัดใส่ปากไร้ซึ่งอารมณ์ร่วม ก็ยิ่งทำให้ผู้ชมขำได้เรื่อยๆ ซึ่งเราขอยกให้ซีนนี้เป็นที่สุดของเรื่อง ถ้าหากละครจับทางนี้มาตั้งแต่ต้นก็คงตลกดี ทั้งการที่ให้ตัวละครของ ‘มุนินทร์’ ที่รับบทโดยเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ มาพูดประโยคเดิมของตัวเธอเองในโลกความเป็นจริงที่เธอตอบสัมภาษณ์สื่อในงานหนึ่งที่ว่า “นายว่าคำถามแบบนี้มันน่าตอบมั้ย? เป็นฉัน ฉันไม่ถามนะ มารยาทนิดหนึ่งอะค่ะ” ผลลัพธ์ที่ได้คืออาการขำเอิ๊กอ๊ากในความไม่สมประดีของบท เป็นการแค่นหัวเราะถึงความประดักประเดิดที่ไม่รู้ว่าจะดราม่าให้สุด หรือจะคอเมดี้ให้สุดดีสักทาง

 

 

แรงเงา 2 ไปไม่ถึงฝัน

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอีกมากมายที่ทำให้ แรงเงา 2 ไปไม่ถึงฝั่งฝันคือการเลือกเวลาออนแอร์ต่อจากละครอย่าง ‘กรงกรรม’ ที่เรตติ้งสูงสุดของช่องไปก่อนแล้ว ซึ่งได้คำชื่นชมทั้งเรื่องบท การแสดง และโปรดักชันไปแบบเต็มคราบ ฉะนั้นฐานแฟนละครในช่วงวันจันทร์ถึงอังคารก็หนาแน่นมากพอจะส่งไม้ต่อให้ได้ แต่ต้องบอกว่ามันเป็นความผิดพลาดที่รุนแรงมากจริงๆ สำหรับช่องที่เลือกการออนแอร์ในช่วงเวลานี้ ทั้งยังคาดหวังให้แฟน แรงเงา เดิมมาช่วยสนับสนุนและชมละครภาคต่อนี้ แต่กลับตาลปัตรกลายเป็นยิ่งฉายยิ่งโดนสวนกลับด้วยความคิดเห็นแง่ลบจากงานสร้างที่ไม่ประณีต

 

สิ่งหนึ่งที่ผู้จัดละครทุกช่องในยุคนี้ต้องจดจำกรณีนี้ไว้คือ ต่อให้คุณมั่นใจมากแค่ไหนว่าผลิตภัณฑ์ในมือของคุณแข็งแรงมากพอจะออกสู่ตลาดได้ คุณต้องคิดทบทวนให้ดีๆ เพราะปัจจุบันผู้ชมมีทางเลือกร้อยแปดไว้เลือกสิ่งที่เขาสนใจ ไม่ใช่แค่เพียงละครจากช่องใหญ่ๆ ที่สู้กันอย่างสนุกสนาน แต่เราหมายถึงซีรีส์ออนไลน์ หรือซีรีส์ต่างประเทศมากมายที่เข้าถึงง่ายมากในปัจจุบัน และเราเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ วงการโทรทัศน์เองก็ต้องปรับตัวให้มากพอที่จะหยิบยื่นงานคุณภาพให้กับผู้ชม เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเองในโลกยุคนี้ที่ทุกคนพร้อมใจจะเทคุณได้ทุกเมื่อเช่นกัน

 

ไม่รู้ว่าบทสรุปของตัวละครจะพินาศขนาดไหน แต่มีสิ่งหนึ่งที่สามารถนิยามการดูละครเรื่องนี้ของเราได้อย่างชัดเจนที่สุดก็คือเพลงประกอบละครที่เต้น-นรารักษ์ ร้องไว้ว่า

 

“อยากกลั้นใจให้ตายไปเลยตอนนี้ ไม่ต้องมีสักเสี้ยวนาทีให้รับรู้อะไร”

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising