วันนี้ (24 กุมภาพันธ์) เซร์คิโอ รามอส ปราการหลังจอมเก๋าวัย 36 ปีของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง โพสต์ข้อความบนโซเชียลส่วนตัว โดยมีนัยถึงการประกาศเลิกเล่นให้กับทีมชาติสเปนอย่างเป็นทางการ หลังได้โอกาสติดธงทัพกระทิงดุชุดใหญ่นับตั้งแต่ปี 2005 โดยได้โอกาสลงเล่นไปทั้งสิ้น 180 นัด มีส่วนร่วมในการที่ทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ยูโร 2 สมัย (ปี 2008 และ 2012) และแชมป์ฟุตบอล 1 สมัยในปี 2010
“ถึงเวลาแล้ว…ถึงเวลาบอกลาทีมชาติที่รักและยอดเยี่ยมของเรา
“เมื่อเช้านี้ผมได้รับโทรศัพท์จากโค้ชคนปัจจุบัน (หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้) ซึ่งบอกว่าผมจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการทำทีมชาติของเขา ไม่ว่าผมจะโชว์ฟอร์มได้ดีแค่ไหนก็ตาม
“ด้วยใจที่เจ็บปวดนี้ มันเป็นจุดจบที่ผมคิดว่าเส้นทางของผมสมควรจบลงเพราะการตัดสินใจส่วนตัวของผม หรือหากผลงานของผมไม่อยู่ในระดับที่คู่ควรกับทีมชาติ แต่ไม่ใช่เพราะอายุหรือเหตุผลอื่นๆ แบบนี้
“อายุก็คืออายุ นั่นไม่ใช่สิ่งบ่งบอกว่าดีหรือผิดปกติ มันเป็นเพียงตัวเลขที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแสดงความสามารถเลย
“ผมมองด้วยความชื่นชมและอิจฉาในตัวของ ลูกา โมดริช, ลิโอเนล เมสซี, เปเป้…พวกเขาคือแก่นแท้ของประเพณีนี้ ทั้งทรงคุณค่าและยุติธรรมในแง่ของฟุตบอล ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเสียดายและโชคไม่ดี เพราะมันจะไม่เกิดขึ้นกับผม เพราะฟุตบอลไม่ยุติธรรมเสมอไป
“นี่คือสิ่งที่ผมต้องยอมรับ ขอบคุณสำหรับตลอดหลายปีที่ผ่านมาและสำหรับการสนับสนุนของคุณ (แฟนบอล) ผมมาถึงจุดนี้พร้อมความทรงจำที่ยากจะลืม จุดที่เราต่อสู้และเฉลิมฉลองแชมป์ร่วมกัน และความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่ที่ผมรู้สึกว่าผมเป็นนักเตะทีมชาติสเปนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาล
“ผมจะสนับสนุนทีมชาติต่อไปด้วยความรัก ผมขอขอบคุณทุกคนที่เชื่อในตัวผมมาโดยตลอด”
ขณะเดียวกัน เดยัน ลอฟเรน เซ็นเตอร์แบ็กตัวเก๋าวัย 33 ปีของ เซนิต เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมในความหมายเดียวกับรามอส คือการประกาศเลิกเล่นทีมชาติโครเอเชียอย่างเป็นทางการ หลังรับใช้ทีมมานานกว่า 78 นัด มีส่วนในการช่วยทัพตราหมากรุกคว้ารองแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 และล่าสุดได้รับอันดับ 3 จากฟุตบอลโลก 2022
“ถึงทีมชาติที่รัก แฟนบอลผู้ภักดีที่รัก ผมต้องการแจ้งข่าวเศร้ากับคุณ แต่เชื่อเถอะว่าผมตัดสินใจด้วยใจที่เปิดกว้างและหลังจากไตร่ตรองมานาน มันเป็นเรื่องยากสำหรับผม และในขณะที่ผมเขียนข้อความนี้ ผมพยายามที่จะไม่ร้องไห้ นั่นก็คือวันที่ผมต้องบอกลาทีมชาติโครเอเชีย
“ผมอยากจะขอบคุณโค้ชทุกคนที่ให้โอกาส ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายจากพวกคุณแต่ละคน ขอบคุณเพื่อนร่วมทีมทั้งในอดีตและปัจจุบันสำหรับการเดินทางที่ยอดเยี่ยมและน่าจดจำ ฟอร์มเรามีขึ้นมีลง หัวเราะ ร้องไห้ด้วยกัน ผมจะเก็บพวกคุณไว้ในใจตลอดไป
“ขอบคุณผู้อยู่เบื้องหลังทุกคนที่อยู่กันมาตั้งแต่วันแรก ผมไม่สามารถไล่ชื่อทุกคนได้ แต่เรารู้ดีว่าคนเหล่านี้เป็นใคร คุณคือแกนหลักของทีมชาตินี้ คุณไม่ได้อยู่ในพาดหัวข่าว และบางทีคุณอาจไม่ได้รับความสนใจมากนัก แต่เชื่อผมเถอะ หากไม่มีคุณ เราก็ไม่มีใครและไม่มีอะไรเลย ขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ”
อ้างอิง: