×

‘PTTGC’ มั่นใจดีลซื้อ Allnex หนุนผลดำเนินงานแกร่งขึ้น คงเป้ายอดขายปีนี้โต 8-10% ส่วนราคาหุ้นวันนี้รีบาวด์เฉียด 6%

13.07.2021
  • LOADING...
คงกระพัน อินทรแจ้ง

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC วันนี้ (13 กรกฎาคม) ปิดการซื้อขายที่ 58 บาท เพิ่มขึ้น +3.25 บาท หรือ +5.94% มูลค่าการซื้อขายมากสุดในกระดานที่ 4,334.87 ล้านบาท ซึ่งสวนทางกับเมื่อวานนี้ (12 กรกฎาคม) ที่ราคาปรับตัวลดลง -6.41% หรือลดลง -3.75 บาท ปิดการซื้อขายที่ 54.75 บาท โดยเมื่อวานนี้นักลงทุนกังวลเรื่องการเพิ่มทุนเพื่อนำเงินไปชำระค่าธุรกรรมการเข้าซื้อกิจการ

 

เมื่อเร็วๆ นี้ PTTGC International (Netherlands) B.V. (GC Inter B.V.) บริษัทย่อยของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายกิจการ Allnex Holding GmbH (Allnex) กับ Allnex Holdings S.à.r.l and Allnex S.à.r.l, (ผู้ขาย) ซึ่งเป็นกองทุนภายใต้การบริหารของ Advent International (Advent)  

 

การเข้าซื้อกิจการ Allnex โดย GC Inter B.V. นั้น คาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 หลังจากได้รับอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

 

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTGC กล่าวว่า การลงนามสัญญาในครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญของ GC Group ในการปรับพอร์ตโฟลิโอเพื่อเพิ่มความหลากหลายของเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ และสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำด้านธุรกิจเคมีภัณฑ์ รวมถึงผสานนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ากับเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดย PTTGC จะยังคงบทบาทในการเป็นพันธมิตรด้านกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อพัฒนาตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Allnex และขยายไปยังตลาดเกิดใหม่ผ่านการลงทุนในอนาคต 

 

สำหรับอานิสงส์ต่อผลประกอบการโดยรวมของ PTTGC ประกอบด้วย การเพิ่มกำลังการผลิตอีก 10%, เพิ่มกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษี ค่าเสื่อมราคา ​และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) Margin อีก 2% ให้กับ PTTGC, ทำให้ EBITDA มีเสถียรภาพมากขึ้น จากคุณภาพของพอร์ตโฟลิโอสินค้า และสร้างผลประโยชน์ร่วมอีกมาก โดยจะเริ่มได้เห็นความชัดเจนหลังจากการเข้าซื้อกิจการแล้วเสร็จในปลายปีนี้ ขณะเดียวกันยังเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดใหม่ๆ ที่มีการเติบโตที่สูง เช่น ยุโรปและจีน ด้วย

 

ทั้งนี้ในปี 2565 คาดว่ารายได้ และ EBITDA ของบริษัทจะเติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากจะมีการบันทึกผลประกอบการของ Allnex ที่ได้ซื้อกิจการเข้ามาในงบ หลังจากการเข้าซื้อกิจการแล้วเสร็จในไตรมาส 4/64

 

ดร.คงกระพัน กล่าวว่า งบลงทุนในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ รวมทั้งสิ้นราว 1.48 แสนล้านบาท แหล่งเงินมาจากกระแสเงินสดในมือกว่า 1 แสนล้านบาท, เงินบางส่วนจากการขายหุ้น บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หรือ GPSC และวงเงินกู้ระยะสั้นจาก บมจ.ปตท. หรือ PTT อีก 73,920 ล้านบาท รวมทั้งยังมีวงเงินกู้จากสถาบันการเงินอีกราว 15,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง และ EBITDA ที่จะเพิ่มขึ้นมาหลังจากการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้

 

โดยปัจจุบัน PTTGC มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (DE) ที่ 0.3 เท่า ภายหลังการทำธุรกรรมดังกล่าว DE จะอยู่ที่ 0.6-0.7 เท่า สะท้อนว่า PTTGC ยังมีศักยภาพในการกู้ หรือทำ Project Finance ได้ หากมีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่ในอนาคต

 

“แหล่งเงินลงทุนสำหรับดีลนี้ไม่มีปัญหา PTTGC มีกระแสเงินสดกว่าแสนล้านบาทอยู่แล้ว และยังสามารถกู้เพิ่มได้ เพราะตอนนี้หนี้สินต่อทุนเราค่อนข้างต่ำ และการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ที่น่าจะใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ของดีลที่ PTTGC ทำมา แต่เราก็ยังสามารถชำระค่าหุ้นเป็นเงินสดได้ ซึ่งสะท้อนถึงฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง” ดร.คงกระพัน กล่าว

 

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2564 PTTGC ยังคงเป้าหมายยอดขายเติบโตราว 8-10% อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ายอดขายในไตรมาส 2 รวมถึงครึ่งปีหลังอาจจะไม่ร้อนแรงเท่ากับไตรมาส 1/64 เนื่องจากบางผลิตภัณฑ์ก็มีการชะลอตัวด้านความต้องการ เช่น ผลิตภัณฑ์จากการกลั่นบางชนิด ขณะที่บางผลิตภัณฑ์ก็ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง 

 

ทั้งนี้ Allnex เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มสารเคลือบและสารเติมแต่งสำหรับใช้กับวัสดุทุกประเภท เช่น ไม้ เหล็ก พลาสติก เป็นต้น รวมถึงเป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชันการพัฒนาแอปพลิเคชันการเคลือบต่างๆ  

 

Allnex มีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านยูโร หรือ 74,167.2 ล้านบาท (ที่อัตราแลกเปลี่ยน 37.08 บาทต่อ 1 ยูโร) มี EBITDA Margin อยู่ที่ 17-19% และยังมีเครือข่ายโรงงานการผลิตที่ทันสมัย 33 แห่งใน 18 ประเทศ ศูนย์การวิจัยและเทคโนโลยีอีก 23 แห่ง มีพนักงานประมาณ 4,000 คนทั่วโลก ในฐานะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน Allnex จึงเป็นผู้นำกว่า 70 ปี ในการผลิตและพัฒนานวัตกรรม Coating Resin สามารถใช้กับเทคโนโลยีการเคลือบที่หลากหลายและครอบคลุมการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ เหล็ก ยานยนต์ และบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น 

 

ฝ่ายวิจัย บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุนดังกล่าว เพราะมูลค่าการซื้อคิดเป็น 9-10 เท่าของ EBITDA ซึ่งถือว่าไม่แพง เมื่อเทียบกลุ่มอุตสาหกรรมที่ประมาณ 10-13 เท่า และช่วยหนุน EBITDA Margin ให้กับ PTTGC ประมาณ 1-2%ต่อปี พร้อมยังคงคำแนะนำ ‘ซื้อ’ ราคาเป้าหมาย 80.00 บาทต่อหุ้น

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising