บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือปตท.สผ. เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 มีกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 292 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 9.66 พันล้านบาท ปัจจัยสำคัญมาจากราคาขายน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ ปตท.สผ. มีกำไรสุทธิ 315 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับตัวเลขขาดทุนสุทธิ 264 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8.68 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2560 สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนของปี 2561 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 3.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.27 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 0.17 เท่า
ปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มผลกำไรคือ การลงทุนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำในอาเซียน และการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในแหล่งบงกช ซึ่งช่วยเพิ่มปริมาณการขายและกระแสเงินสด จากนี้ ปตท.สผ. มีแผนเข้าซื้อกิจการและขยายการลงทุนในแหล่งสำรวจปิโตรเลียมต่อเนื่อง ทั้งในตะวันออกกลางและอาเซียน นอกจากนี้ยังศึกษาโอกาสทางธุรกิจใหม่อย่างเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ และพลังงานทางเลือกด้วย
โจทย์สำคัญจากนี้ของ ปตท.สผ. คือ การประมูลแหล่งสัมปทานบงกชและเอราวัณนั้น ซึ่ง ปตท.สผ. ยื่นประมูลเองในแหล่งบงกช ส่วนแหล่งเอราวัณ ปตท.สผ. จับมือกับบริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียม (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ลงทุนในพื้นที่อ่าวไทยอยู่แล้ว ซึ่งจะทราบผลการประมูลในสิ้นปี 2561 นี้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
