บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิ 20,599.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188% จากไตรมาส 2/64 จากปริมาณการขายของโครงการจี 1/61 และราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่งวด 6 เดือนแรกมีกำไร 3.11 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% พร้อมปันผลระหว่างกาล 4.25 บาทต่อหุ้น
มนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. (PTTEP) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกของปี 2565 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 4,543 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 153,528 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับรายได้รวม 3,546 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 109,658 ล้านบาท) ในช่วงเดียวกันของปี 2564
ปัจจัยหลักจากปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 446,519 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือ 8% จาก 413,168 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 เป็นผลมาจากการรับรู้ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของโครงการโอมาน แปลง 61 และปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบที่ ปตท.สผ. เข้าเป็นผู้ดำเนินการโครงการจี 1/61 (แหล่งเอราวัณ, ปลาทอง, สตูล และฟูนาน) ประกอบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
จากผลประกอบการดังกล่าว ส่งผลให้ ปตท.สผ. มีกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรกที่ 918 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 31,119 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 54% จากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิ 598 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 18,673 ล้านบาท) โดยมีต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) อยู่ที่ 27.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาที่ 76%
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2565 นั้น ปตท.สผ. มีรายได้รวม 2,469 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 84,955 ล้านบาท) และมีกำไรสุทธิ 600 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 20,600 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 89 เมื่อเทียบกับ 318 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 10,519 ล้านบาท) ของไตรมาส 1 ปีนี้ โดยเป็นผลมาจากปริมาณการขายของโครงการจี 1/61 และราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก
ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 ปตท.สผ. ได้นำรายได้ส่งให้กับรัฐ ซึ่งอยู่ในรูปภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง โบนัสการผลิต และส่วนแบ่งผลประโยชน์ต่างๆ ประมาณ 50,000 ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ เช่น ด้านการพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา
อนุมัติจ่ายเงินปันผล 4.25 บาทต่อหุ้น
มนตรีกล่าวว่า จากผลประกอบการดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2565 มีมติอนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ปี 2565 ที่ 4.25 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อรับสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 16 สิงหาคม 2565 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 สิงหาคม 2565
“ผลการดำเนินงานในครึ่งแรกของปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตามแผนงานที่วางไว้ ในขณะเดียวกัน ปตท.สผ. ยังได้หาโอกาสลงทุนในธุรกิจใหม่ (Beyond E&P) รองรับการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน (Energy Transition) และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต โดยมีความคืบหน้าการดำเนินงานและความร่วมมือในหลายด้าน เช่น CCS และ CCUS ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว รวมทั้ง ได้เริ่มการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่โครงการเอส 1 กำลังการผลิตประมาณ 10 เมกะวัตต์ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสำหรับใช้ในโครงการเอส 1 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มการผลิตไฟฟ้าได้ในไตรมาส 1 ปี 2566 นอกจากนี้บริษัทยังคงเดินหน้าศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งจะมีความคืบหน้าการลงทุนตามแผนงานต่อไป” มนตรีกล่าว
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP