×

ปตท. ฝากรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ ดูแล ‘ต้นทุนพลังงาน’ ทั้งราคาค่าไฟฟ้าและน้ำมันให้เหมาะสม

22.05.2023
  • LOADING...

ปตท. ฝากถึงรัฐบาลใหม่ ‘ต้องเป็นผู้บริหารจัดการต้นทุนพลังงานที่ดี’ เนื่องจากไทยเป็นประเทศผู้นำเข้า ซึ่งราคาเท่ากันทั่วโลกจึงทำให้คุมได้ยาก หากมากกว่านี้จำเป็นต้องใช้มาตรการและนโยบายด้านภาษีเข้ามาช่วยเสริม พร้อมเร่งดูแลค่าไฟฟ้า น้ำมัน ลดค่าครองชีพประชาชน ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้เหมาะสม พร้อมเปิดทิศทางธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย กับแผนนำเข้า Spot LNG 100 ลำ ช่วงชิงจังหวะราคาตลาดโลกเข้าสู่ช่วงขาลง 

 

พงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บทบาทของหน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ปตท. จะมุ่งขยายเครือข่ายทางการค้าให้ครอบคลุมทั่วโลก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน สร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุด และนำรายได้เข้าประเทศ รวมถึงการสร้างธุรกิจใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์โลกพลังงานที่กำลังจะเปลี่ยนไปในอนาคต หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศมีสำนักงานการค้าอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของทุกภูมิภาคทั่วโลก 

 

โดยช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์วิกฤตราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นอันเป็นผลจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ปตท. ได้ร่วมลดผลกระทบแก่ประชาชน และบริหารจัดการเพื่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการจัดหา LNG แบบตลาดจร (SPOT) ในช่วงเวลาเร่งด่วน จัดหาและสำรองน้ำมันดิบในภาวะการขาดแคลนทั่วโลก รวมถึงการบริหารต้นทุนพลังงาน พร้อมทั้งปรับการผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันในช่วงเวลาที่เหมาะสม

 

สำหรับรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศนั้น อยากฝากให้ดูเรื่องราคาพลังงานทั้งค่าไฟฟ้าและน้ำมัน เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนเป็นหลัก โดยราคาน้ำมันที่ต้องอิงตลาดโลก หากจะให้ลดลงมากกว่านี้ จำเป็นต้องใช้มาตรการนโยบายด้านภาษีเข้ามาช่วย

 

“การบริหารก็ต้องดูทุกฝ่าย ทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้เหมาะสม ทั้งผู้นำเข้า ผู้ผลิต ที่สำคัญคือต้องมีการบริหารจัดการในเรื่องของต้นทุนที่ดี เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศนำเข้า ราคาเท่ากันทั่วโลก จึงทำให้คุมราคายาก” พงษ์พันธุ์กล่าว  

 

ราคาตลาด LNG ขาลง เหลือ 9 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู มองโอกาสดีนำเข้า 100 ลำ

 

เพื่อรักษาความมั่นคงด้านพลังงาน ปตท. ประเมินว่าในปีนี้ อาจมีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ตลาดจร หรือ Spot LNG เกือบ 100 ลำ หรือประมาณ 6 ล้านตัน จากปัจจุบันที่นำเข้ามาแล้ว 60 ลำ อยู่ที่ 4 ล้านตัน หรือลำละ 60,000 ตัน โดยปี 2565 มีการนำเข้าอยู่ที่ 53 ลำ หรือราว 3.3 ล้านตัน โดยการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ เกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ปริมาณนักท่องเที่ยว และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น ประกอบกับทิศทางราคา Spot LNG ถูกลง และคุ้มค่ากว่าการใช้น้ำมันดีเซลในการผลิตไฟฟ้า อีกทั้งราคาที่ต่ำลงเกิดจากกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) มีการสำรอง LNG ไว้ในปริมาณสูงเกินความต้องการของตลาด ดังนั้น น่าจะเป็นจังหวะที่ดีและส่งผลดีต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าอัตโนมัติผันแปร (Ft) ในงวดถัดไปลดลงได้

 

โดยล่าสุดราคา Spot LNG ตลาดโลกเดือนมิถุนายนนี้ อยู่ที่ประมาณ 9 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู เทียบจากปีที่ผ่านมา บางช่วงราคาสูงสุดอยู่ที่ 80 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู และสูงเป็นประวัติการณ์ คาดว่าจนถึงปลายปีนี้ราคาอาจจะอยู่ที่ราว 15-20 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู โดยราคาที่ ปตท. ทำสัญญาซื้อขายไปแล้วนั้นจะไม่เกิน 20 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู 

 

อย่างไรก็ตาม ปตท. จะนำเข้า LNG ในปีนี้ถึง 100 ลำตามเป้าหมายหรือไม่ ยังต้องติดตามดูว่า ปตท.สผ. จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซในอ่าวไทยเป็นไปตามแผนควบคู่ไปด้วยหรือไม่ รวมถึงการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและราคา LNG ในอนาคตด้วย ซึ่งการนำเข้า LNG แต่ละล็อตจะต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) อีกด้วย

 

นอกจากนี้ ปีนี้จะมีปริมาณการค้าเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีปริมาณการค้ารวมมากกว่า 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ครอบคลุมมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก และมีการจัดหาพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลวจากหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก เพื่อรองรับความต้องการพลังงานของประเทศ

 

เพิ่มสัดส่วน EBITDA ธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 30% 

 

นพดล ปิ่นสุภา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับแผนการดำเนินงาน กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ปตท. ประกอบด้วย ธุรกิจที่ ปตท. ดำเนินการเอง ได้แก่ ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและสายงานกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย รวมถึงธุรกิจที่ ปตท. ลงทุนผ่านบริษัทในกลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น และธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก 

 

โดยไตรมาส 1 ปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานคิดเป็น 31% ของกำไรสุทธิของ ปตท. หรือ 8,748 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานตามพันธกิจและก้าวสู่ธุรกิจใหม่ตามวิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond พร้อมเติบโตในธุรกิจพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

 

โดยกลยุทธ์การดำเนินงานนั้นต้องอาศัยความร่วมมือภายในกลุ่ม ปตท. เพื่อคงความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจเดิม (Hydrocarbon Based) และเป็นฐานต่อยอดธุรกิจใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (Advance Materials & Specialty Chemicals) ที่สอดคล้องกับเทรนด์พลังงานที่เปลี่ยนแปลง และสามารถเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน (Value Chain) ธุรกิจใหม่ ของกลุ่ม ปตท. รวมถึงเพิ่มสัดส่วนธุรกิจคาร์บอนต่ำและธุรกิจใหม่ที่มากกว่าพลังงาน เพื่อให้เป็นไปตามแผนดังกล่าว ปตท. ตั้งเป้าหมายจะมีสัดส่วน EBITDA จากธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 30% ในปี 2573 จากปี 2565 อยู่ที่ 15% 

 

ทุ่มลงทุนผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล  

 

โดยปัจจุบันมีการเจรจาความร่วมมือกับพันธมิตรในหลายธุรกิจ เช่น ความมั่นคงของระบบน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก (EEC) กับนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ศึกษาการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล เนื่องจากอนาคตความต้องการใช้น้ำภาคอุตสาหกรรมเสี่ยงขาดแคลน จึงต้องอาศัยการลงทุนด้านน้ำเป็นสำคัญ รวมทั้งเรื่องการรีไซเคิลน้ำ ผันน้ำ การลงทุนระบบท่อน้ำ เพราะกลุ่ม ปตท. มีความต้องการใช้น้ำสัดส่วนถึง 30% ของอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก รวมไปถึงการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เช่น การเข้าสู่ตลาด Carbon Credit Trading และการค้าเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ซึ่งจะเป็นหนึ่งในกลไกที่ช่วยขับเคลื่อนกลุ่ม ปตท. และประเทศไทยเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emissions ตามแผนที่วางไว้

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising