กลุ่ม บมจ.ปตท. แจ้งผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกปีนี้มีกำไรสุทธิรวม 7.33 หมื่นล้านบาท ลดลง 9.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ รวมทั้งขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น และธุรกิจก๊าซธรรมชาติต้นทุนเพิ่ม ขณะที่มีรายได้รวมโต 63.7% เพิ่มเป็น 2.57 ล้านล้านบาท
อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน ปตท. และบริษัทย่อยในช่วง 9 เดือนแรกปี 2565 มีกำไรสุทธิรวม 7.33 หมื่นล้านบาท ลดลง 7.52 พันล้านบาท หรือ 9.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 8.82 หมื่นล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ‘ปตท.สผ.’ เผยไตรมาส 3/65 มีกำไรสุทธิ 2.41 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 153% จากปีก่อน หลังปริมาณขายเพิ่มจากแหล่งผลิตใหม่
- ‘OECD’ เตือน วิกฤตพลังงานและเงินเฟ้อฉุดเศรษฐกิจ ‘ถดถอยทั่วโลก’ ลากยาวตลอดปี 2023
- บริษัทนํ้ามันยักษ์ใหญ่ในสิงคโปร์ส่อล้มละลาย, Nissan Motors ประกาศปิดสำนักงานหลักในญี่ปุ่นชั่วคราว
เนื่องจากถูกผลกระทบขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ ภาษีเงินได้ และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่ต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติปรับสูงขึ้นมาก และอีก 87% มาจากผลการดำเนินงานของบริษัทในเครือ ปตท. ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 49% ธุรกิจใหม่ โครงสร้างพื้นฐาน และบริษัทย่อยอื่นๆ 24% ธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก 11%
สำหรับธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นมีสัดส่วนเพียง 3% โดยผลการดำเนินงานได้รับผลกระทบจากขาดทุนสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมากตามทิศทางราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงตามความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
ขณะที่มีรายได้รวม 9 เดือนแรกปี 2565 อยู่ที่ 2.57 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 1 ล้านล้านบาท หรือ 63.7% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มีรายได้รวม 1.57 ล้านล้านบาท โดยมาจากทุกกลุ่มธุรกิจที่เติบโต ทั้งรายได้ของกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น กลุ่มธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีก และกลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่มีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นผลจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นตามราคาผลิตภัณฑ์ในตลาดโลก
รวมถึงปริมาณการขายโดยรวมที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด อีกทั้งกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีรายได้เพิ่มขึ้นจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นตามราคา Pool Gas และผลิตภัณฑ์ที่อ้างอิงปรับเพิ่มขึ้น แม้ว่าปริมาณขายก๊าซลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักๆ มาจากการที่ผู้ผลิตก๊าซในอ่าวส่งมอบก๊าซได้น้อยลง เนื่องจากอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านของผู้ดำเนินการแหล่งสัมปทาน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมการ ปตท. มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลระหว่างกาล ส่งผลให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และกองทุนวายุภักษ์จะได้รับเงินปันผลรวมประมาณ 23,494 ล้านบาท และเมื่อรวมกับภาษีเงินได้นิติบุคคลของ ปตท. และบริษัทในเครือ ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 อีกประมาณ 40,967 ล้านบาท รวมกลุ่ม ปตท. นำส่งรายได้เข้ารัฐปี 2565 แล้ว 64,461 ล้านบาท
