×

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะถก 3 วง แก้ไขปัญหา ‘ส่วยทางหลวง-รักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว-หมูเถื่อน’ ก่อนขึ้นเครื่องไปร่วมประชุม APEC ที่สหรัฐฯ

โดย THE STANDARD TEAM
12.11.2023
  • LOADING...

วันนี้ (12 พฤศจิกายน) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีรายงานว่า ก่อนที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 (APEC Economic Leaders’ Meeting 2023) ได้เรียกหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วยทางหลวง การแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อน และมาตรการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว 

 

เล็งดึงตำรวจจีนลาดตระเวนเมืองท่องเที่ยว กระตุ้นความเชื่อมั่น

 

โดยนายกฯ ได้หารือร่วมกับผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว 

 

โดย ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องความปลอดภัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจะทำงานร่วมกับ ททท. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยในส่วนของนักท่องเที่ยวจีนจะพูดคุยกับสถานทูตจีนวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ เกี่ยวกับโครงการลาดตระเวนที่จะเอาตำรวจจากประเทศจีนมาลาดตระเวนในประเทศไทยตามเมืองท่องเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เหมือนกับที่เคยประสบความสำเร็จที่ประเทศอิตาลี แต่ยังไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนและเมือง เมื่อโครงการนี้ออกมาจะทำให้เห็นความพร้อมในการยกระดับรับนักท่องเที่ยวในเรื่องความปลอดภัย และมั่นใจว่าโครงการนี้จะช่วยทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนช่วง 2 เดือนสุดท้ายเป็นไปตามเป้าเดิมที่กำหนดไว้ที่ 4-4.4 ล้านคน 

 

“เราต้องการให้ตำรวจจีนเห็นการทำงานของประเทศไทยว่าเรายกระดับเรื่องความปลอดภัยอย่างไรบ้าง ให้เขาเป็นกระบอกเสียงส่งต่อให้กับนักท่องเที่ยวจีน เพราะคนจีนกลัวตำรวจมาก ถ้าตำรวจของเขามาแสดงความมั่นใจในเมืองไทยก็จะช่วยยกระดับความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวจีนอีกขั้นหนึ่ง” ฐาปนีย์กล่าว 

 

ปัญหาส่วยรถบรรทุก 20% ลักลอบแอบทำ

 

ส่วนเรื่องส่วยทางหลวงได้หารือกับ พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.), ชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม, ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง, ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, อธิบดีกรมทางหลวง, อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และสมาพันธ์และสมาคมรถบรรทุก ในเรื่องการตรวจสอบน้ำหนักรถบรรทุกบนโครงข่ายทางหลวงหลัก เช่น ถนนพหลโยธิน, ถนนเพชรเกษม, ถนนสุขุมวิท, ถนนพระราม 2 และถนนสายเอเชีย รวมถึงเรื่องการตรวจสอบสภาพรถ 

 

พล.ต.ท. จิรภพ กล่าวว่า เศรษฐาได้สั่งการแนวทางแก้ปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกิน มีนโยบายอย่างจริงจังในการปราบเรื่องนี้ให้หมดไป โดยผลการหารือทุกภาคส่วนจะดำเนินการตรวจจับอย่างจริงจัง ขณะนี้กรมทางหลวงมีด่านชั่งน้ำหนัก 100 กว่าจุดทั่วประเทศ 

 

แต่ปัญหาคือมีการหนีไม่ยอมเข้าด่าน เราจึงพูดคุยกันว่ากรมทางหลวงจะเติมเต็ม หากพบรถบรรทุกไม่เข้าด่านก็จะแจ้งตำรวจทางหลวงเพื่อให้สกัดจับ และหากประชาชนท่านใดเห็นรถบรรทุกน้ำหนักเกินให้แจ้งเบาะแสมาที่กรมทางหลวงหรือตำรวจทางหลวง เพื่อจะได้ดำเนินการจับกุม 

 

ขณะนี้ตนคิดว่ารถบรรทุกน้ำหนักเกินลดลงไปแล้ว 80% เหลือ 20% ที่ต้องมาไล่จับกัน และเรายังหารือเรื่องการแก้กฎหมายให้หนักขึ้น ให้เกรงกลัวการกระทำความผิด ซึ่งเป็นแนวทางที่นายกฯ ได้สั่งการ ส่วนตัวเชื่อว่าจะได้ผลดีขึ้นเรื่อยๆ อาจไม่ 100% วันนี้เหมือนแมวไล่จับหนู แต่ยืนยันว่าอธิบดีกรมทางหลวงและตำรวจทางหลวงดำเนินการกันอย่างเต็มที่ 

 

ขณะที่ในส่วนของตำรวจนครบาลได้กำชับตำรวจจราจรให้ตรวจตรารถในกรุงเทพฯ ร่วมกับ กทม. ยืนยันเรื่องนี้จะดำเนินการต่อเนื่อง ไม่ใช่เรื่องเงียบแล้วหยุด แต่จะทำตลอดไปให้จบที่รุ่นเรา 

 

ส่วน 20% ที่ยังมีปัญหา ติดที่ผู้มีอิทธิพลหรือไม่ พล.ต.ท. จิรภพ ตอบว่า พวกนี้เขาแอบทำกัน เมื่อก่อนถ้าไม่ได้กำชับกวดขันก็ทำกันทั่วไปหมด แต่พอกวดขันก็เหลือแต่พวกแอบทำในบางพื้นที่บ้างที่เราเผลอ จากนี้อาจใช้แหล่งข่าวจากสมาคมรถบรรทุกหรือประชาชนให้แจ้งเบาะแสเข้ามา ให้เป็นหูเป็นตา ยืนยันเราจะทำตามกฎหมาย

 

กำชับอธิบดี DSI สางปมหมูเถื่อนไม่มีละเว้น

 

พ.ต.ต. สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือกับเศรษฐากรณีแก้ไขปัญหาหมูเถื่อนว่า DSI เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องที่กรมศุลกากรส่งมาจำนวน 161 ตู้ โดยแบ่งกลุ่มผู้กระทำผิดเป็น 3 กลุ่ม 

 

  1. บริษัทนำเข้าที่ได้ดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาจับกุมไปแล้วจำนวนหา 6 ราย 
  2. กลุ่มนายทุนที่เป็นคนสั่งให้นำหมูเข้าไทย ซึ่งออกหมายจับ 2 บริษัท ขณะนี้ผู้ต้องหาหลบหนีไปต่างประเทศ และได้ประสานเรื่องขอเข้ามอบตัวภายในวันที่ 13 พฤศจิกายน 
  3. กลุ่มผู้ดูแลเรื่องห้องเย็นที่กระจายหมูเถื่อนไปแช่ 

 

ในส่วนของการดำเนินคดี นายกฯ กำชับให้มีการดำเนินการอย่างเด็ดขาด ทาง DSI ได้รับข้อสั่งการ และจะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องภายในสัปดาห์นี้และสัปดาห์ถัดไป ส่วนเรื่องการทำงานแบบบูรณาการ ขณะนี้ DSI ได้รับข้อมูลข่าวสารจากประชาชนทั่วไปว่าอาจมีการซุกซ่อนของเถื่อนตามตู้เย็นต่างๆ จึงได้ประสานงานกับทางตำรวจภูธรจังหวัด ร่วมกับกรมปศุสัตว์ และกรมศุลกากร เพื่อดำเนินการปูพรมตรวจค้นตามที่ได้รับเบาะแส 

 

ขอเรียนว่าของกลางที่ DSI ได้รับมาจำนวน 161 ตู้ แต่เมื่อเราได้สืบค้นต่อไปพบว่า ตั้งแต่ปี 2563-2566 กลุ่มขบวนการนำเข้าได้มีการลักลอบนำเข้าเศษชิ้นส่วนซากสัตว์มาก่อนหน้านั้นแล้วจำนวน 2,836 ตู้ ซึ่งเรากำลังสอบสวนว่ามีใครเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวบ้าง และเรื่องนี้ DSI จะดำเนินการให้ถึงที่สุด

 

พ.ต.ต. สุริยา ระบุว่า เราได้มีการเร่งรัดตามที่เรียนแล้วว่า ภายในสัปดาห์นี้ผู้ต้องหาในกลุ่มที่ 2 จะมีการเข้ามอบตัว โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการอย่างถึงที่สุด ไม่มีละเว้น อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหากลุ่มที่ 2 ไม่ว่าจะเป็นนายทุนเจ้าใหญ่ที่มีคำสั่งซื้อให้บริษัทชิปปิ้งนำเข้าหมูเถื่อนสู่ประเทศไทย ถือว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีบทบาทเพราะมีการรับคำสั่งซื้อมาจากผู้สั่งที่เป็นรายย่อยทั่วประเทศ ซึ่งเป็นตัวกลางที่ทำให้เนื้อหมูเถื่อนกระจายไปทั่วทุกภูมิภาค

 

ขณะเดียวกัน เศรษฐามีสีหน้าเป็นกังวลต่อการทำงานที่ผ่านมา โดยระบุกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า “ผมเชิญท่านมาพบ ท่านมาที่ทำเนียบรัฐบาลแล้วรอบหนึ่ง ทำไมช้าจัง จัดการให้มันเร็วๆ หน่อยได้ไหม มันจับมาได้ตั้งเยอะแยะแล้ว ทำไมไม่สั่งการสักทีหนึ่ง ผมสั่งการไปแล้วก็ไม่ทำ ไม่หาตัวรายใหญ่ เข้าถึงตัวไม่ได้สักที ตอนนี้มีกี่ราย ตอนนี้จับมามี 10 รายแล้วใช่ไหม”

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising