×

‘พรีเมียร์ลีก’ เตรียมถกเครียดปิดฉากฤดูกาลภายใน 30 มิ.ย. หวั่นปัญหาสัญญานักเตะทำป่วน

16.04.2020
  • LOADING...

20 สโมสรพรีเมียร์ลีกเตรียมหารือในวันศุกร์ที่ 17 เมษายนนี้ ในประเด็นใหญ่เรื่องการปิดฉากฤดูกาล 2019-20 ที่ค้างคาให้จบภายในวันที่ 30 มิถุนายน ต่อให้จะทำให้แข่งไม่ครบฤดูกาลก็ตาม เนื่องจากกังวลเรื่องสัญญาของบุคลากรในวงการที่อาจจะนำไปสู่ปัญหาใหญ่ได้

 

ปัญหาต่อเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อวงการกีฬาอย่างรุนแรง โดยล่าสุดมีรายงานข่าวในอังกฤษเกี่ยวกับแผนการกลับมาทำการแข่งขันต่อหลังจากที่มีประกาศให้พักการแข่งตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม และให้พักการแข่งโดยไม่มีกำหนด ซึ่งตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมามีรายงานความคืบหน้าเรื่องของแผนการต่างๆ ที่จะทำให้ลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งกลับมาทำการแข่งขันได้ต่อ แต่ขณะนี้มีสโมสร 9 แห่งที่มีการหารือและต้องการเรียกร้องให้มีการยุติฤดูกาลภายในปฏิทินฟุตบอลเดิมคือ 30 มิถุนายน

 

โดยเหตุผลสำคัญที่นำไปสู่การเรียกร้องดังกล่าวคือความกังวลในเรื่องของข้อสัญญาที่ผูกพันกัน ซึ่งไม่เพียงเฉพาะแค่ผู้เล่นเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของสตาฟฟ์ สปอนเซอร์ พันธมิตรทางธุรกิจที่จะมีการหมดสัญญาภายในวันที่ 30 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของปฏิทินฟุตบอลในแต่ละฤดูกาล ซึ่งหากปล่อยให้มีการยืดเยื้อจนการแข่งขันล่วงไปหลังจากนั้น จะนำไปสู่ความสับสนทางข้อกฎหมายได้ เนื่องจากแม้สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ FIFA จะได้พยายามเปิดทางให้มีการเจรจาขยายระยะเวลาของสัญญาได้ แต่การบังคับใช้กฎหมายในแต่ละประเทศนั้นมีความแตกต่างกันอยู่มาก โดยเฉพาะในอังกฤษ ซึ่งกฎหมายเปิดช่องให้ลูกจ้างสามารถฟ้องนายจ้างหากไม่กระทำตามสัญญาที่ระบุไว้ได้

 

นิค เดอ มาร์โค ที่ปรึกษาของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (PFA) ชี้ว่า สโมสรไม่มีสิทธิ์ที่จะบังคับให้นักฟุตบอลอยู่กับสโมสรต่อไปหากสัญญาที่ทำไว้สิ้นสุดลง และไม่จำเป็นต้องยอมรับข้อตกลงในสัญญาระยะสั้นให้อยู่ต่อไปจนกว่าจะจบฤดูกาล ในขณะเดียวกันสโมสรเองก็ไม่ต้องการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่นักฟุตบอลที่ไม่อยู่ในแผนการทำงานอีกต่อไปเช่นกัน

 

ตัวอย่างของกรณีปัญหาดังกล่าว อาทิ วิลเลียนและเปโดร สองสตาร์เชลซี หรือ อดัม ลัลลานา กองกลางลิเวอร์พูล, แยน แฟร์ตองเกน กองหลังท็อตแนม ฮอตสเปอร์ กำลังจะหมดสัญญากับสโมสรในวันที่ 30 มิถุนายน ขณะที่ ฮาคิม ซิเยค ปีกที่เชลซีซื้อตัวล่วงหน้ามาจากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม จะเริ่มต้นสัญญาใหม่กับสโมสรในกรุงลอนดอน วันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งมีโอกาสสูงจะคาบเกี่ยวการแข่งของฤดูกาล 2019-20 ที่กว่าจะได้เริ่มจริงๆ คือต้นเดือนมิถุนายน และจบได้เร็วที่สุดภายในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม โดยยังเหลือเกมที่ต้องแข่งอีก 92 นัด ซึ่งแต่ละทีมลงแข่งสัปดาห์ละ 2 นัดก็อาจจะจบภายในระยะเวลา 5 สัปดาห์

 

ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้การประชุมของ 20 สโมสรพรีเมียร์ลีกในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ วาระใหญ่ที่สุดคือเรื่องกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนว่าจะกลับมาทำการแข่งขันได้เมื่อไรและอย่างไร จะทำการแข่งในสนามปิดหรือไม่ รวมถึงจะจบฤดูกาลได้เมื่อใด แม้ว่าขณะนี้จะยังเป็นเรื่องยาก เพราะยังมีคำสั่งจากรัฐบาลในการควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19

 

ทั้งนี้แม้ว่าทุกสโมสรตั้งใจที่จะทำการแข่งให้จบฤดูกาลให้ได้ เนื่องจากไม่ต้องการสูญเสียรายได้มหาศาลจากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด แต่เชื่อว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งที่ไม่อาจทำได้ตามความตั้งใจ ก็อาจจะจำเป็นที่จะต้องตัดการแข่งจบแต่เพียงเท่านี้ แม้ว่าจะทำให้หัวใจของการแข่งขันฟุตบอลเสียหาย รวมถึงจะมีค่าความเสียหายที่จะต้องจ่ายเงินคืนหรือถูกตัดเงินจากรายได้ที่จะได้รับจากเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด โดยจะคำนวณตามจำนวนเกมที่เหลืออยู่

 

สำหรับคำถามสำคัญคือ แล้วจะมีการตัดสินผลการแข่งของฤดูกาลได้อย่างไร สิ่งที่แน่ชัดประการแรกคือจะไม่มีการ ‘โมฆะ’ และจะมีบทสรุปของฤดูกาลออกมาอย่างแน่นอน โดย The Times สื่อในอังกฤษได้มีการเผยวิธีการคำนวณเอาไว้ 3 ทางด้วยกัน

 

Option 1: จำนวนแต้มต่อเกม

วิธีการที่ตรงไปตรงมาที่สุดในการคำนวณหาอันดับ โดยนำคะแนนรวมของแต่ละทีมนำไปคิดหาค่าเฉลี่ยตามจำนวนเกม ด้วยวิธีการคิดแบบนี้ อันดับในลีกจะมีการเปลี่ยนแปลงแค่ 2 ทีมคือ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดและอาร์เซนอล ซึ่งยังเหลือเกมในมือทีมละ 1 นัด และในกรณีที่คะแนนเท่ากัน จะใช้ประตูได้เสียเป็นตัวตัดสิน นั่นจะทำให้วัตฟอร์ดและเวสต์แฮม ยูไนเต็ดรอดตกชั้น ส่วนบอร์นมัธจะตกชั้นแทน

 

แชมป์: ลิเวอร์พูล

แชมเปียนส์ลีก: ลิเวอร์พูล, เลสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ยูโรปาลีก: เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

ตกชั้น: บอร์นมัธ, แอสตัน วิลลา, นอริช ซิตี้

 

Option 2: นัดเฉพาะการพบกันนัดแรกของฤดูกาล

ทางเลือกนี้จะนับเฉพาะเกม 19 นัดแรกของฤดูกาล เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่แต่ละทีมเจอทีมอ่อนหรือแข็งไม่เท่ากัน เช่น บางทีมเจอลิเวอร์พูลหรือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปแล้ว 2 นัด แต่บางทีมเจอแค่นัดเดียว อย่างไรก็ดี ทางเลือกนี้จะไม่สอดคล้องกับฟอร์มการเล่นปัจจุบัน และจะทำให้วัตฟอร์ดที่กลับมาฟอร์มดีตั้งแต่ได้ ไนเจล เพียร์สัน มาคุมทีมต้องตกชั้น

 

แชมป์: ลิเวอร์พูล

แชมเปียนส์ลีก: ลิเวอร์พูล, เลสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ยูโรปาลีก: เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

ตกชั้น: แอสตัน วิลลา, วัตฟอร์ด, นอริช ซิตี้

 

Option 3: ทำนายผลเกมที่เหลือ

นำฟอร์มเกมเหย้าและเยือนของฤดูกาลนี้มาคำนวณหาผลในเกมที่ยังไม่ได้แข่ง เช่น ทีม A เป็นเจ้าบ้าน พบทีม B ที่เป็นทีมเยือน ก็จะนำค่าเฉลี่ยของเกมในบ้านของทีม A มาเทียบกับค่าเฉลี่ยเกมนอกบ้านของทีม B พร้อมกับนำผลงานการพบกันในเกมเหย้าและเยือน 5 นัดหลังสุดมาคำนวณประกอบด้วย ถ้าผลออกมาว่าทีมใดทีมหนึ่งมีตัวเลขที่ดีกว่าอีกทีม 0.2 ก็ให้ถือว่าเป็นทีมชนะ แต่ถ้าตัวเลขน้อยกว่านั้นให้ถือว่าเสมอ ยกตัวอย่างเช่น เกมระหว่างเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดกับวูล์ฟส์ ทีม ‘ดาบคู่’ มีแต้มเฉลี่ยในบ้าน 1.8 ขณะที่ทีม ‘หมาป่า’ มีแต้มเฉลี่ยนอกบ้าน 1.4 แบบนี้ถือว่าเจ้าบ้านชนะ

 

แชมป์: ลิเวอร์พูล

แชมเปียนส์ลีก: ลิเวอร์พูล, เลสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

ยูโรปาลีก: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ตกชั้น: วัตฟอร์ด, แอสตัน วิลลา, นอริช ซิตี้

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising