×

สมพงษ์ หัวหน้าเพื่อไทย เปิดฉากนำทีมฝ่ายค้านซักฟอกนโยบายรัฐบาลประยุทธ์ บอกได้คนหน้าเดิมที่ทำล้มเหลวมาบริหาร

25.07.2019
  • LOADING...
พรรคเพื่อไทย

เมื่อเวลา 11.55 น. สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้เปิดฉากอภิปรายคนแรกหลัง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้แถลงนโยบายจบลง โดยระบุว่าไม่เชื่อมั่นในนโยบายของรัฐบาล จากการติดตามข่าวทั้งในประเทศและต่างประเทศจะพบว่าประชาชนไม่ได้ให้ความเชื่อมั่นรัฐบาลชุดนี้เลย เพราะได้คนหน้าเดิม มาตรการเดิม ที่ทำงานล้มเหลวมาแล้วเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา หากได้บริหารประเทศต่อก็จะมีแต่ความมืดมน ล้มเหลว และนำประเทศไปสู่หายนะ หากรัฐบาลนี้จะดำเนินนโยบายโดยนำบุคคลที่ขาดความชอบธรรมและขาดความสามารถมาบริหาร

 

สมพงษ์กล่าวว่าในช่วงที่ผ่านมามีการออกกฎหมายห้ามรณรงค์ในระหว่างการทำประชามติรัฐธรรมนูญ มีการจับกุมประชาชน แต่ฝ่ายข้างคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ โดยตั้งครู ก. ครู ข. ขึ้นมา ร่างรัฐธรรมนูญมีการกำหนดให้มี ส.ว. มาจากการแต่งตั้ง โดยสามารถที่จะร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ 

 

“ต่อมาวันดีคืนดี ตัวท่านนายกฯ ก็กลับมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในพรรคที่รัฐมนตรีในรัฐบาลของท่านออกไปตั้งพรรคการเมือง” จากนั้นก็มีการตอบแทนผลประโยชน์กันในรูปแบบต่างๆ 

 

ในส่วนของคุณสมบัติรัฐมนตรีบางคนนั้น รัฐธรรมนูญมีความมุ่งหมายต้องการไม่ให้คนที่มีความผิดในคดียาเสพติดมาเล่นการเมืองตลอดชีวิต รวมถึงมีการระบุเรื่องจริยธรรมเอาไว้ด้วย 

 

“เพราะฉะนั้นการตั้ง ครม. ที่เกิดขึ้นนี้มันแปลกๆ ดูเหมือนไม่ใช่การปฏิรูปเลย พี่เป็นไม่ได้เอาน้องมา ภรรยาเป็นไม่ได้เอาสามีมา พ่อเป็นไม่ได้ก็เอาลูกมา มันพิลึกกึกกือ จึงอยากจะเรียนถามว่ามันคือการปฏิรูปการเมืองตรงไหน”

 

นายกฯ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่อีกครั้ง แต่ท่านเป็นหัวหน้า คสช. ที่มาจากพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ มีเงินเดือน มีอำนาจ หากใครไม่ปฏิบัติตามก็มีความผิด หากไม่ใช่เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ตรงนี้ตนจะไม่พูดต่อ แต่ข้อเท็จจริงได้ปรากฏอยู่

 

ปัญหาของเกษตรกรถูกปล่อยให้แก้ไขปัญหาด้วยตนเองมาโดยตลอด คำพูดในนโยบายที่ระบุเป็นเพียงคำพูดที่สวยหรู ขาดความชัดเจนในการเข้าไปสู่เป้าหมายที่จะเข้าไปแก้ปัญหาเกษตรกรที่แท้จริง

 

ส่วนการปฏิรูปต่างๆ ที่ผ่านมาท่านออกมาตรา 44 จัดการกับนักการเมืองท้องถิ่น ก็ไม่รู้ไปคุยกันอย่างไร ต่อมาก็ให้นักการเมืองท้องถิ่นเหล่านั้นสามารถกลับไปทำงานต่อ 

 

ขณะที่ความล้มเหลวของการใช้งบประมาณ โดยเฉพาะกองทัพ ตนรู้ว่ากองทัพต้องใช้งบประมาณเพื่อปกป้องประเทศและอธิปไตย แต่ประเทศก็มีความต้องการด้านอื่นเหมือนกัน ก็ไม่อยากให้มากจนเกินขอบเขต งบประมาณกองทัพต้องมีการปรับปรุงให้มีความเหมาะสม

 

สมพงษ์สรุปว่าตนไม่เห็นว่ารัฐบาลนี้จะมีศักยภาพเพียงพอที่จะนำนโยบายไปทำให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนให้เจริญรุ่งเรืองได้ มีปัญหาความชอบธรรมในการเข้าสู่ตำแหน่ง ล้มเหลวในการบริหารประเทศ โกหกประชาชนและนานาชาติ บอกว่าจะนำเข้าสู่ประชาธิปไตย แต่ขณะนี้เป็นประชาธิปไตยจอมปลอมแบบเผด็จการ

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising