เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กล่าวย้ำเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (14 พฤษภาคม) ว่า ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในห้วงเวลานี้ปรับตัวลดลงช้ากว่าที่ Fed คาดการณ์กันไว้ ซึ่งส่งผลให้ Fed จำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง อย่างน้อยก็นานกว่าที่วางแผนกันไว้ในเบื้องต้น
ความเห็นดังกล่าวของพาวเวลล์เกิดขึ้นในที่ประชุมสามัญประจำปีของสมาคมธนาคารต่างประเทศในกรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยพาวเวลล์ชี้แจงว่า แม้อัตราเงินเฟ้อจะสามารถปรับตัวลดลงได้อย่างรวดเร็วในปี 2023 แต่อัตราความเร็วในการปรับลดเงินเฟ้อก็ชะลอตัวลงอย่างมากในปี 2024 ทำให้ Fed ต้องกลับมาพิจารณาทิศทางการดำเนินนโยบายใหม่
ทั้งนี้ ประธาน Fed ยอมรับว่า หนทางนโยบายการเงินข้างหน้าไม่ใช่หนทางที่ราบรื่นแน่นอน เพราะเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ส่งผลให้ Fed ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก และจำต้องปล่อยให้นโยบายที่เข้มงวดได้ทำงานต่อไป ดังนั้น Fed จะยังจำเป็นต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม พาวเวลล์ก็แสดงความเชื่อมั่นว่า Fed ไม่น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก รวมถึงมองว่าแนวโน้มที่เป็นไปได้มากกว่าคือการที่ Fed ตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับปัจจุบันต่อไป โดยขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed อยู่ที่ 5.25-5.5% ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 23 ปี
นอกจากนี้ประธาน Fed ยังแสดงความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยประเมินว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีนี้ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัว 2% หรือมากกว่า ขณะที่เศรษฐกิจสามารถปรับตัวได้อย่างแข็งแกร่งและยืดหยุ่น โดยเฉพาะตลาดแรงงาน ขณะที่ภาคครัวเรือนมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงขึ้น ส่งผลให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนในภาคธุรกิจยังคงรักษาความแข็งแกร่งไว้ได้ แม้หลายอุตสาหกรรมจะมีปัญหาภาวะขาดแคลนแรงงานก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพิจารณาจากตัวเลขตลาดแรงงานล่าสุด ก็เห็นสัญญาณกลับสู่ภาวะสมดุลที่ดีขึ้นและกำลังเผชิญภาวะตึงตัวเหมือนในช่วงก่อนเกิดโควิด อีกทั้งยังมีปัจจัยบ่งชี้อุปสงค์และอุปทานกำลังเริ่มปรับตัวใกล้เคียงกันมากขึ้น
ความเห็นของพาวเวลล์ส่งผลให้ตลาดมีความผันผวนเล็กน้อยในช่วงเปิดตลาด ก่อนที่จะกลับมาคงที่ในช่วงปิดตลาด ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง และบรรดานักเทรดในตลาด Futures ต่างเพิ่มน้ำหนักความน่าจะเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของ Fed ในเดือนกันยายน
รายงานระบุว่า ความเห็นของพาวเวลล์ยังคงสอดคล้องกับที่เจ้าตัวได้กล่าวไว้ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยทางคณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ และแสดงความเห็นต่อการคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวว่า เป็นเพราะขาดข้อมูลคืบหน้าเพิ่มเติมที่มีผลต่อการปรับอัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% ของ Fed
ในส่วนของดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนเมษายน ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (14 พฤษภาคม) ซึ่งพบว่า ดัชนี PPI ทั่วไป (Headline PPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.2% ในอัตรารายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และปรับขึ้นจากระดับ 1.8% ในเดือนมีนาคม พาวเวลล์ชี้ว่า แม้ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) จะทำให้ดูเหมือนมีแรงกดดันด้านราคาที่เพิ่มขึ้น แต่ดัชนีดังกล่าวก็ส่งสัญญาณแตกต่างกันไป เนื่องจากองค์ประกอบบางรายการแสดงสัญญาณผ่อนคลายลง ดังนั้นเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นหรือไม่ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด และ Fed จำเป็นต้องได้รับข้อมูลมากขึ้นเพื่อตัดสินใจในขั้นต่อไป
อ้างอิง:
