วันนี้ (13 ตุลาคม) พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงข่าวจับกุม จุฬาธิปก อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม โดยทุจริตหรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1692/2566 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2566
หลังแอบอ้างเป็นบุคคลในสำนักพระราชวัง หลอกต้มตุ๋นให้โอนเงินเข้าบัญชีม้า พบมีผู้เสียหายหลายราย มูลค่าความเสียหายหลักล้านบาท
พล.ต.ท. จิรภพ ระบุว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายหลายรายร้องเรียนมายังกองบังคับการปราบปรามว่าถูกบุคคลแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวัง หลอกให้โอนเงินเป็นจำนวนหลายแสนบาท เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนสอบสวนและเฝ้าติดตามจนทราบว่าเป็นจุฬาธิปก ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ในสำนักพระราชวัง คอยเลือกผู้เสียหายอยู่ 3 ประเภท คือ ร้านอาหาร ร้านค้า และพระภิกษุสงฆ์ โดยใช้วิธีการโทรศัพท์หรือแอปพลิเคชันไลน์ใช้รูปบุคคลที่เกี่ยวกับสำนักพระราชวัง เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ก่อนจะหลอกว่าจะมีบุคคลในสำนักพระราชวังเข้าไปใช้บริการ ให้จัดเตรียมสิ่งของให้เรียบร้อยและจะมีของที่ระลึกให้
จากนั้นเมื่อหลอกขั้นต้นสำเร็จแล้ว จุฬาธิปกจะหลอกให้ผู้เสียหายนั้นสำรองจ่ายค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไปก่อน และเมื่อเสร็จงานแล้วจะชำระคืนให้ ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ เพราะเห็นว่าเป็นคนของสำนักพระราชวัง และโอนเข้าไปยังบัญชีม้าของจุฬาธิปก ก่อนจะเงียบหายไป
ต่อมาจุฬาธิปกได้กระทำฉ้อโกงโดยมีพฤติกรรมแบบนี้อยู่หลายครั้ง จนเป็นที่ต้องการของตำรวจในหลายพื้นที่และถูกออกหมายจับ ซึ่งในระหว่างติดตามจับกุม เจ้าตัวกลับไหวตัวทันจึงได้เดินทางหลบหนีไปยังเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ตำรวจจึงได้ประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยที่ประเทศเมียนมา เพื่อขอความร่วมมือในการติดตามจับกุมตัว
จนกระทั่งวันที่ 12 ตุลาคม จุฬาธิปกได้เดินทางกลับมายังประเทศไทย เจ้าหน้าที่จึงประสานตำรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสามารถจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา
พล.ต.ท. จิรภพ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบ จุฬาธิปกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีอื่นอีกจำนวน 3 หมายจับ คือ 1. หมายจับศาลจังหวัดเชียงราย ที่ 337/2565 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ 2. หมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 846/2564 ในข้อหานำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และ 3. หมายจับศาลอาญา ที่ 2952/2566 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
แต่ก่อนเคยเป็นอดีตสามเณรที่จังหวัดเชียงใหม่ เริ่มฉ้อโกงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 แต่ถูกตำรวจจับได้ และไม่ยอมเลิกพฤติกรรมดังกล่าว ต่อมาได้พัฒนาวิธีฉ้อโกง ทำให้มีเหยื่อหลงเชื่อ จนกระทั่งผู้ก่อเหตุได้ไปกระทำความผิดแบบเดิมที่ประเทศเมียนมา และกระทำฉ้อโกงร่วมกับบุคคลอื่นกับกลุ่มแก๊งบัญชีม้าและแก๊งออนไลน์ที่ท่าขี้เหล็ก จังหวัดเชียงราย และย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้อาจจะเคยทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รูปแบบการกระทำมีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างตรวจสอบ
อีกทั้งยังพบว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีม้าของผู้ต้องหาเป็นเงินหลักหมื่นถึงหลักแสนจำนวนหลายรายการ รวมเป็นเงินหลายล้านบาท ตำรวจเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายราย หากใครประสงค์ที่จะร้องทุกข์สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1195 กองบังคับการปราบปราม
