ทำไมคนที่อยากประสบความสำเร็จถึงสนใจ Fasting วิธีที่กำลังฮิตในซิลิคอนแวลลีย์

ทำไมคนที่อยากประสบความสำเร็จถึงเริ่มหันมาสนใจ Fasting

ในระยะหลังที่ผมได้พูดคุยกับผู้บริหารในองค์กรชั้นนำหรือเจ้าของแบรนด์หลายๆ ท่าน ผมมักได้ยินคำว่า Fasting อยู่บ่อยๆ ผมเลยเริ่มศึกษาข้อมูลและทราบภายหลังว่า คำคำนี้กำลังเป็นคำที่นิยมอย่างมากในหมู่คนซิลิคอนแวลลีย์ เป้าหมายไม่ใช่เพื่อลดน้ำหนัก แต่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

Fasting คืออะไร มีประโยชน์จริงหรือ และเราจะนำมาปรับใช้ได้อย่างไร ผมสรุปแนวคิดการทำ Fasting จากประสบการณ์จริงของ หมู ณัฐวุฒิ ผู้ก่อตั้ง Ookbee และผู้จัดการกองทุน 500 TukTuks ในพอดแคสต์ The Secret Sauce

Fasting คืออะไร

ย่อมาจากศัพท์ภาษาอังกฤษที่เรียกว่า Intermittent Fasting หรืออธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น มันคือการแบ่งเวลาอดอาหารเป็นช่วงๆ เช่น ใน 1 วันมี 24 ชั่วโมง คนทำ Fasting จะต้องกินให้อยู่ภายใน 8 ชั่วโมงติดต่อกัน นอกนั้นอีก 16 ชั่วโมงที่เหลือต้องอดอาหาร หรือสามารถกินได้แค่น้ำเปล่าหรือกาแฟดำที่มีพลังงาน 0 แคลอรี และต้องทำเช่นนี้วนไปทุกวันจนเป็นสุขลักษณะนิสัย เพื่อฝึกให้ร่างกายไม่รับพลังงานใหม่เข้าไป และเกิดการดึงพลังงานที่เก็บอยู่ออกมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อการทำงาน

นอกจากนี้ยังมีการแบ่งเวลาอีกหลายแบบ บางคนอาจเลือกอดอาหารเป็นเวลา 24 ชั่วโมง หรือ 48 ชั่วโมงติดต่อกันใน 2 สัปดาห์ แล้วแต่ดุลยพินิจของคนทำ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญควบคู่ไปด้วยจึงจะให้ผลดียิ่งขึ้น

ทำไมคนที่อยากประสบความสำเร็จถึงเริ่มหันมาสนใจ Fasting

ร่างกายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมี 2 โหมด

โหมดเก็บ หรือการกินตามปกติแล้วเอาพลังงานไปเก็บสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย กลายเป็นไขมัน
โหมดใช้ หรือการอดอาหารจนทำให้ร่างกายดึงเอาพลังงานออกมาใช้ คล้ายการจำศีลของสัตว์ป่า ที่มักกินเฉพาะเวลาที่ล่าเหยื่อได้เท่านั้น

“คนส่วนใหญ่กิน 3 มื้อเป็นปกติ หิวปุ๊บกินปั๊บ แถมระหว่างมื้อยังมีขนมเข้ามาเติม ทำให้มีโอกาสสูงที่ร่างกายจะไปไม่ถึงโหมดที่เอาของเก่าออกมาใช้ ทำให้คนอ้วนขึ้น สะสมไขมันมากขึ้น จนต้องมีการออกกำลังกายเพื่อเบิร์นไขมันส่วนนั้นทิ้ง”

หลักสำคัญของ Fasting คือ การหยุดเติมพลังงานใหม่ และปล่อยให้ร่างกายดึงพลังงานถังแรกที่เรียกว่า ‘ไกลโคเจน’ ออกมาใช้ จนครบ 12 ชั่วโมง ไกลโคเจนจะเริ่มหมด ส่งผลให้ร่างกายเริ่มเผาผลาญไขมันสะสมออกมาทำงาน

จากงานวิจัยพบว่า ถ้าเมื่อไรที่ร่างกายมาถึงจุดนี้ มันจะช่วยเรื่องของความจำ ระบบประสาท และสร้างเซลล์สมองใหม่ๆ ทำให้เหล่าผู้คนในซิลิคอนแวลลีย์ต่างติดใจในคุณสมบัติที่ทำให้สมองโล่ง และเสริมการทำงานได้อย่าง Productive ขั้นสุด

เคสตัวอย่างการทำ Fasting ของ หมู ณัฐวุฒิ

“ผมเลือกวิธีไม่กินเป็นเวลายาวๆ ไปเลย เช่น 24, 48 หรือ 72 ชั่วโมง สำหรับผมมันง่ายกว่าการควบคุมอาหารทุกวัน ข้อดีที่เห็นได้ชัดคือสมองโล่งขึ้น พอไม่กินก็ทำให้มีเวลามากขึ้นวันละ 3-4 ชั่วโมง และจากงานวิจัยพบว่า การทำเช่นนี้ยังไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างโกรทฮอร์โมน เป็นฮอร์โมนที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อและเบิร์นไขมัน แถมยังช่วยเรื่องของยีน เพราะเวลาที่เราไม่กินอาหารเข้าไป ร่างกายจะเริ่มรีไซเคิลเซลล์เก่าที่ไม่ดี เปลี่ยนเป็นพลังงานใหม่มาใช้แทน ถึงขั้นมีงานวิจัยที่ทดลองจับเอาสัตว์ตัวเล็กๆ อย่างหนูหรือแมลงมาทำ Fasting และพบว่าพวกมันมีอายุยืนขึ้น 30-80% เลยทีเดียว”

ถึง Fasting จะไม่ใช่สูตรลดน้ำหนักโดยตรง แต่จากการเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ทำให้คุณหมูน้ำหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะแคลอรีที่หายไปจะทำให้น้ำหนักค่อยๆ ลด จนถึงจุดที่น้ำหนักเสถียรไปเอง แต่ต้องเสริมเล็กน้อย สำหรับผู้หญิง ควรศึกษาให้ดีก่อนเริ่มทำ Fasting เพราะมันจะไปส่งผลต่อฮอร์โมนและประจำเดือนอีกด้วย

อดอาหารครั้งละ 2 วันจะเป็นไปได้จริงหรือ

คุณหมูแชร์ประสบการณ์ให้ฟังว่า ครั้งแรกๆ ที่ทำอาจมีความรู้สึกหงุดหงิดคล้ายโมโหหิว เพราะอาการน้ำตาลต่ำ แต่พอเริ่มทำไปสักพักจนเข้าลูปปกติ ร่างกายจะเริ่มปรับตัว โฟกัสงานได้ชัดเจนมากขึ้น แถมยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ขับรถ ออกกำลังกาย นัดลูกค้า ถึงแม้จะเหนื่อยง่ายกว่าเดิมนิดหน่อย แต่ถ้าเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียดูแล้ว เขาก็ยังเลือกทำต่อไป การันตีจากผลตรวจร่างกายของเขาที่ค่าตัวเลขต่างๆ ขยับไปในทิศทางที่ดีขึ้น

“ช่วงแรกทำแล้วมีอาการท้องเสียหลังกลับมากินอาหารวันแรก เพราะร่างกายยังไม่ทันปรับตัว แต่ตอนนี้ผมเริ่มชิล เพราะเริ่มเรียนรู้แล้วว่าความหิวจะมาและหายไปภายใน 10 นาที จากเมื่อก่อนที่ผมเป็นโรคกระเพาะ ต้องกินยาตลอด แต่พอมาทำ Fasting ผมกลับหายดีเป็นปกติ”

ข้อแนะนำสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นทำ Fasting

“ผมว่าสิ่งสำคัญคือการหาข้อมูลและสังเกตตัวเอง ถ้าคุณยังไม่แข็งแรง แค่อดข้าวก็จะเป็นลม ต้องกินน้ำตาลแล้ว ก็อย่าเพิ่งทำเลยดีกว่า ร่างกายเรายังไม่ได้แข็งแรงในระดับนั้น ในส่วนตัวผมเป็นคนทานอาหารดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จนมาถึงลิมิตที่ร่างกายไปต่อไม่ได้ ผมไม่ใช่สายที่อยากจะสร้างกล้ามเป็นมัดๆ ผมจึงเลือกใช้วิธีนี้เพื่อให้ร่างกายไปได้อีกขั้นหนึ่ง”

สรุปหัวใจของการทำ Fasting ที่มีโอกาสให้ผลดี ควรเริ่มจากคนที่ดูแลสุขภาพเป็นประจำ ควบคู่ไปกับการปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ ถ้าเมื่อไรที่ลองทำแล้วไม่เวิร์ก ควรหยุดทำทันที เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้

สามารถฟังพอดแคสต์ The Secret Sauce
ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ที่คุณสะดวกหรือใช้อยู่แล้วได้เลย