×

เสริมความแข็งแกร่งซัพพลายเชนด้วยโซลูชันการเงินเพื่อธุรกิจเติบโตมั่นคง | THE SME HANDBOOK EP.54

05.09.2025
  • LOADING...

ธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยยอดขายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมี “ระบบการเงิน” ที่แข็งแรง รองรับการขยายตัวในระยะยาว และพร้อมรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทาน หนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่หลายคนอาจยังไม่รู้จักดีคือ Trade Finance ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่ธุรกิจนำเข้าส่งออกเท่านั้น แต่ยังออกแบบมาเพื่อรองรับทุกประเภทธุรกิจ ช่วยให้การบริหารซัพพลายเชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความเสี่ยง เพิ่มสภาพคล่อง และสร้างความพร้อมในการขยายกิจการในระยะยาว

 

THE SME HANDBOOK by UOB เอพิโสดที่ 6 ของซีซัน 9 นี้ เฟิร์น-ศิรัถยา อิศรภักดี พาไปเจาะลึกกับ สยุมรัตน์ มาระเนตร Executive Director, Head of Business Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ถึงกลยุทธ์การบริหารสภาพคล่อง และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เหมาะกับวัตถุประสงค์ที่ SME ต้องรู้ พร้อมเปิดมุมมองใหม่ว่า “โซลูชันทางการเงินที่เข้าใจซัพพลายเชน” คือกุญแจสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง

 



เส้นทางการทำงานที่อยู่เคียงข้าง SME มาตลอด


ต้องย้อนกลับไปเกือบ 30 ปี เริ่มต้นจากเป็น RM ตัวเล็กๆ ดูลูกค้าระดับ Big Corporate ที่มีระบบชัดเจน งบการเงินครบทุกมิติ การวิเคราะห์สินเชื่อก็มีสูตรและระบบซัพพอร์ตค่อนข้างพร้อม แต่วันหนึ่งก็เกิดคำถามขึ้นในใจว่า ถ้าเป็นธุรกิจเล็กๆ ล่ะ ไม่มีงบการเงิน ไม่มีตัวเลขให้วิเคราะห์แบบครบเครื่อง แล้วธนาคารจะประเมินอย่างไรว่าเขาดีหรือไม่ดี เราจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง คำถามนั้นกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางใหม่ที่พาให้เข้าไปอยู่ในวงการ SME อย่างจริงจัง และไม่เคยถอยออกมาอีกเลย

 

ตอนนั้นมีโอกาสได้ร่วมงานกับธนาคารต่างชาติที่ต้องการเปิดตลาด SME ในไทย เป็นช่วงที่ตื่นเต้นและท้าทายมาก เพราะได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ที่เขามอง SME เป็นธุรกิจที่โตได้จริง ไม่ใช่ธุรกิจเล็กๆ ที่ต้องอยู่แบบพอเพียงไปวันๆ แล้วพอได้ลงมือทำก็ยิ่งเห็นว่าจุดแข็งของ SME มีอยู่ เพียงแค่ยังไม่มีใครบอกหรือช่วยแปลงสิ่งเหล่านั้นให้กลายเป็นข้อมูลที่ธนาคารเข้าใจ หรือสร้างเป็นเพอร์ฟอแมนซ์ที่คนอื่นเห็นคุณค่าได้

 

คิดแบบ SME ทำแบบ SME


ปี 2005 เป็นช่วงที่หลายธนาคารในไทยเริ่มลงมาเล่นในสนาม SME ตอนนั้นก็ได้เข้าไปช่วยออกแบบผลิตภัณฑ์สินเชื่อให้เหมาะกับกลุ่มนี้จริงๆ โดยมีโจทย์คือจะทำอย่างไรให้สินเชื่อเข้าใจง่าย ใช้ได้จริง และตอบโจทย์ความต้องการทันที จนสุดท้ายได้ออกมาเป็น Product on shelf ที่ลูกค้าหยิบใช้ได้ตามสถานการณ์ เช่น อยากขยายธุรกิจ อยากส่งออก หรืออยากโตไวในตลาดใหม่

 

ส่วนบทบาทในปัจจุบันก็ยังคงอยู่ในทีมที่เซ็ตระบบสำหรับดูแลลูกค้า SME โดยเฉพาะ ทั้งกระบวนการอนุมัติสินเชื่อ วิธีการขาย ไปจนถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิมอีกต่อไป ซึ่งความท้าทายตอนนี้ไม่ใช่แค่การให้สินเชื่อ แต่รวมถึงการคิดใหม่ว่าจะใช้จุดแข็งอะไรของธนาคารยูโอบีเพื่อช่วยให้ SME ไทยโตได้จริง โดยเฉพาะกลุ่มที่อยากออกไปสู่ตลาดต่างประเทศ

 

จุดแข็งของ SME และความท้าทายที่เปลี่ยนไป


สิ่งที่เห็นชัดจากการทำงานมาหลายสิบปี คือ SME ไทยมีจุดแข็งอยู่จริง เพียงแต่อาจจะยังไม่ได้ใช้ให้เต็มศักยภาพในทุกด้าน

 

ถ้าดูผู้บริหารรุ่นเก่าจะเห็นว่ามีความระมัดระวังสูง และทำธุรกิจในตลาดที่ตัวเองถนัดเท่านั้น จุดแข็งคือความเข้าใจลึกซึ้งในสินค้า ใส่ใจในคุณภาพ และรอบรู้ในธุรกิจของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็มีจุดอ่อนแทรกอยู่คือมักไม่กล้าขยายตลาด หรือไม่ถนัดทำการตลาดแบบใหม่ๆ

 

พอมาถึงรุ่นลูก คนรุ่นใหม่จะเก่งเรื่องการตลาด กล้าขยายเร็ว แต่มักลืมเรื่องหลังบ้าน เช่น ระบบบัญชี การควบคุมต้นทุน หรือแม้แต่การบริหารกระแสเงินสด หลายครั้งเห็นภาพว่ายอดขายโต แต่จริงๆ แล้วเงินสดในมือกลับไม่พอใช้ เพราะยังไม่มีความชำนาญด้านการควบคุมภายในที่ดีพอ

 

ปัญหานี้กลายเป็นรอยต่อระหว่างรุ่นที่สถาบันการเงินเองก็ต้องเข้าไปมีบทบาทมากขึ้น ไม่ใช่แค่เสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อ แต่ต้องมีบริการอื่นๆ ที่ช่วยให้ SME สามารถเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลหรือจัดการธุรกิจได้รอบด้านมากขึ้น เป็นเหมือนพาร์ตเนอร์ที่คอยเติมเต็มจุดที่ยังขาดอยู่

 

ตรงนี้เองที่ธนาคารต้องเข้าไปช่วยคิด วิเคราะห์ และวางโครงสร้างสินเชื่อให้เหมาะกับแต่ละประเภทของการเติบโต ไม่ใช่แค่ปล่อยกู้ แต่ต้องทำหน้าที่เป็นคู่คิด เป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจอย่างแท้จริง 

 

SME แบบไหนที่ธนาคารพร้อมเป็นพาร์ตเนอร์


เวลาธนาคารมองลูกค้า SME เราไม่ได้ดูแค่ยอดขายหรือผลประกอบการอย่างเดียว แต่จะพิจารณาทั้ง ‘ธรรมชาติของธุรกิจ’ และ ‘พฤติกรรมทางการเงิน’ ว่ามีความเข้าใจระบบของตัวเองมากแค่ไหน และพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืนหรือไม่

 

แต่ละอุตสาหกรรมมีรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น กลุ่มเทรดดิ้งจะมีมาร์จินต่ำ ต้องหมุนสต๊อกไวมาก และการให้เครดิตกับลูกค้าหรือขอเครดิตจากซัพพลายเออร์ต้องแมตช์กันแบบเป๊ะๆ เพราะถ้าให้เครดิตนานเกินหรือเก็บเงินช้า กระแสเงินสดจะสะดุดทันที ขณะที่กลุ่มโรงงานผลิตต้องวางแผนเรื่องเครื่องจักร กำลังการผลิต และการบริหารวัตถุดิบให้สัมพันธ์กับยอดขายที่ตั้งเป้าไว้

 

หลายธุรกิจจึงสะดุดเพราะเข้าใจแค่ยอดขาย แต่ลืมวิเคราะห์ว่าแผนหลังบ้านของตัวเองรองรับหรือยัง บางคนสต๊อกสินค้าไว้มากเกินความจำเป็น หรือลูกหนี้การค้าจ่ายช้ากว่าที่คาด ทำให้เงินสดขาดมือ และไปใช้แหล่งเงินไม่เหมาะสม เช่น ใช้เงินกู้อุปโภคบริโภค (Consumer Loan) กับธุรกิจ SME หรือใช้วงเงินหมุนเวียน (OD) ไปซื้อที่ดินหรือทรัพย์สินถาวรที่ควรใช้สินเชื่อประเภทอื่นแทน ซึ่งการใช้วงเงินผิดประเภทส่งผลให้ระบบการเงินรวน และอาจทำให้เสียโอกาสขอวงเงินอื่นเพิ่มในอนาคต เพราะประวัติไม่สะท้อนภาพธุรกิจที่มั่นคง

 

เช็กลิสต์ SME เพื่อเตรียมพร้อมก่อนขอสินเชื่อ 

 

  • ระบบการเงินของกิจการชัดเจนแค่ไหน มีบัญชีรายรับรายจ่ายสม่ำเสมอหรือไม่
  • เข้าใจวงจรเงินสดของตัวเองหรือยัง ว่าระยะเวลารับเงิน-จ่ายเงินสัมพันธ์กันหรือเปล่า
  • มีแผนรองรับหากลูกค้าไม่จ่ายตามกำหนด หรือยอดขายไม่เป็นไปตามที่หวังหรือไม่
  • ใช้แหล่งเงินทุนตรงประเภทหรือเปล่า รู้จักปรับตัวตามสถานการณ์เศรษฐกิจภายนอกหรือไม่

 

ธุรกิจ SME ของคุณเหมาะกับสินเชื่อแบบไหน


การมีแหล่งเงินทุนที่เหมาะกับวัตถุประสงค์ เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการบริหารสภาพคล่องของ SME ไม่ว่าจะใช้เพื่อรันธุรกิจประจำวัน เสริมสภาพคล่องระยะสั้น หรือใช้ลงทุนขยายกิจการระยะยาว ธนาคารยูโอบีจึงออกแบบวงเงินให้หลากหลาย ครอบคลุมทุกการเติบโต 

 

1. สินเชื่อระยะยาว: ขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
วงเงินประเภทนี้ใช้เมื่อต้องการลงทุน เช่น สร้างโรงงาน ขยายสายการผลิต หรือซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อธุรกิจ

ตัวอย่างเช่น UOB Biz Property วงเงินระยะยาวเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อธุรกิจ พร้อมแถมวงเงินหมุนเวียน (OD) สำหรับใช้จ่ายประจำวัน จุดเด่นคือผ่อนนานได้สูงสุดถึง 30 ปี ช่วยลดภาระรายเดือน ทำให้มีเงินเหลือไว้หมุนเวียนในกิจการ

2. สินเชื่อระยะสั้น: เสริมสภาพคล่องประจำวัน
เหมาะกับธุรกิจที่มีการหมุนเวียนรายวันสูง เช่น จ่ายซัพพลายเออร์ระยะสั้น ค่าส่งสินค้า หรือค่าใช้จ่ายประจำต่างๆ

ตัวอย่างเช่น วงเงิน OD ดอกเบี้ยคิดเฉพาะตอนที่ใช้ วงเงินพร้อมใช้ตลอดเวลา ข้อดีคือยืดหยุ่นสูง แต่ต้องใช้ให้ถูกวัตถุประสงค์และมีวินัย ไม่ควรนำไปลงทุนระยะยาว  

3. วงเงินเพื่อธุรกิจการค้า: ขายในประเทศหรือส่งออกก็ได้
หลายคนอาจเข้าใจว่า Trade Finance มีเฉพาะธุรกิจนำเข้า-ส่งออก แต่จริงๆ แล้วเหมาะกับทั้งธุรกิจที่ค้าขายในประเทศ (Domestic) และข้ามประเทศ (Cross-border) โดยอัตราดอกเบี้ยของ Trade Finance ส่วนใหญ่จะต่ำ และถูกออกแบบให้เหมาะกับลักษณะธุรกิจ 

  • สำหรับนำเข้า: ใช้บริการ LC (Letter of Credit) เพื่อเปิดคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ และสามารถขอ TR (Trust Receipt) เพื่อขยายเวลาชำระเงินหลังสินค้ามาถึง ข้อดีคือมีความยืดหยุ่นสูงตามรอบธุรกิจและเทอมกับคู่ค้า 
  • สำหรับส่งออก: ใช้วงเงิน Packing Credit โดยนำใบสั่งซื้อจากต่างประเทศมายื่นกับธนาคาร เพื่อขอเงินไปเตรียมผลิตสินค้า จุดเด่นคือไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เพราะอิงกับคำสั่งซื้อจริง และธนาคารสามารถมองเห็นกระแสเงินที่เข้ามาอย่างชัดเจน

 

ปัจจัยที่ทำให้ SME เติบโตได้จริง


สิ่งสำคัญที่สุดคือความแตกต่างของแนวคิดและวินัยของผู้ประกอบการ ที่เป็นตัวชี้ชะตาว่าธุรกิจจะไปได้ไกลแค่ไหน ธุรกิจที่เติบโตได้จริง มักจะ ‘ค่อยเป็นค่อยไป’ แบบสมูท ไม่ใช่ยอดขายก้าวกระโดดจนคุมไม่อยู่ เพราะเจ้าของมองครบทั้งภาพรายได้ และการบริหารกระแสเงินสด



แต่จุดเปลี่ยนสำคัญของหลายธุรกิจคือการเลิกทำธุรกิจแบบตัดสินใจคนเดียว แล้วขยับสู่การทำงานเป็นทีม เนื่องจาก SME หลายรายเริ่มต้นจากบุคคลธรรมดา พอเริ่มโตจึงจดทะเบียนบริษัท ซึ่งเป็นก้าวที่ดี แต่ถ้ายังให้กรรมการลงนามคนเดียว หรือยังตัดสินใจลำพังทุกเรื่อง ความเสี่ยงก็ยังสูงอยู่ ธุรกิจที่เติบโตได้ไกลมักจะมีทีมร่วมคิดร่วมตัดสินใจ 2-3 คนขึ้นไป ทำให้การมองปัญหาและโอกาสรอบด้านมากขึ้น ลดการตัดสินใจแบบใช้อารมณ์ลงได้

 

อยากโตเร็วก็ทำได้ แต่ต้องเร็วแบบมีสติและมีแผน


ในโลกธุรกิจวันนี้ โอกาสมาเร็วมาก อยู่ดีๆ สินค้าบางประเภทก็กลายเป็นไวรัล ขายดีเทน้ำเทท่า หลายคนอยากคว้าโอกาสทันที แต่ก็กลัวว่าหลังบ้านจะไม่พร้อม คำถามคือ ช้าแต่ชัวร์ กับเร็วแต่ชัวร์ด้วย มันไปด้วยกันได้หรือไม่



คำตอบคือ ‘ช้าแต่ชัวร์’ ปลอดภัยที่สุด เพราะเป็นการเติบโตที่เสถียรและยั่งยืน แต่ถ้าอยากจะไปเร็ว สิ่งที่คุณต้องรู้คือ 

  • สินค้าชนิดนี้มี Life cycle เท่าไร
  • จุดสูงสุดของตลาดอยู่ตรงไหน และคุณจะหยุดที่จุดไหน
  • สิ่งที่คุณลงทุนหลังบ้าน จะยังใช้งานต่อได้หลังจากเทรนด์จบหรือไม่ 

 

กรณีนี้การมีทีมที่วิเคราะห์ตลาดได้ดีสำคัญมาก เพราะถ้าเห็นเทรนด์ชัด รู้จังหวะขึ้นลงของสินค้า ก็จะรู้ว่าควรขึ้นรถไฟขบวนนี้หรือไม่ และควรลงตรงไหน หากเป็นธุรกิจ Trading การตามกระแสอาจไม่ยาก เพราะไม่มีต้นทุนด้านการผลิตมากนัก แต่ถ้าเป็นธุรกิจสายการผลิตต้องคิดให้รอบคอบ

 

จุดเปลี่ยนของ SME อยู่ตรงไหน?


จากประสบการณ์ สิ่งที่เราเห็นบ่อยคือจังหวะที่เจ้าของธุรกิจเข้ามาคุยกับธนาคารมักจะเป็นตอนที่เริ่มอยากเติบโต ไม่ว่าจะเป็นการขยายสายการผลิต เพิ่มยอดขาย หรือขยับไปสู่ตลาดใหม่

 

หลายธุรกิจเริ่มจากการเติบโตอย่างเสถียร มีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอ แต่พอจะขยับขยายมักเริ่มรู้สึกว่ากระแสเงินสดเดิมไม่พอ จึงเริ่มมองหาเงินทุน ซึ่งแต่ละธนาคารก็มีเกณฑ์ที่มักใช้ในการพิจารณาอนุมัติวงเงิน ดังนี้

  1. งบการเงินและสเตทเมนต์: ดูว่ามีความสม่ำเสมอหรือไม่ ยอดขายโตแบบมั่นคงหรือพุ่งผิดปกติ
  2. พาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ: ความสัมพันธ์กับลูกหนี้การค้ายาวนาน มีประวัติผิดนัดหรือไม่ ฝั่งเจ้าหนี้การค้าก็จะดูเรื่องข้อพิพาทต่างๆ
  3. ทีมบริหาร: ดูว่าเป็นวันแมนโชว์หรือมีทีมงานจริง และอาจถามถึง Successor Plan ว่ามีคนรุ่นต่อไปเตรียมพร้อมรึยัง
  4. มุมมองธุรกิจ: ผู้ประกอบการมองแค่ยอดขายหรือมองภาพรวม มีการลงทุนเพื่อต่อยอดหรือแค่ขายดีจากสินค้าเดียว

 

ดังนั้นธนาคารไม่ได้มองแค่ตัวเลข แต่ดูความพร้อมของทั้งองค์กรด้วย นั่นคือการเติบโตที่ดี ไม่ใช่แค่ยอดขายที่พุ่ง แต่ต้องมีแผนรองรับ มีทีมที่แข็งแรง มีพาร์ตเนอร์ที่ไว้ใจได้ และมองไกลกว่าสินค้าชิ้นเดียว

 

UOB กับเป้าหมายสู่การเป็น No. 1 Trade Bank in ASEAN


ธนาคารยูโอบีมีสาขาครอบคลุมทั่วภูมิภาคมากที่สุดในบรรดาธนาคารต่างชาติที่อยู่ในไทย ไม่ว่าลูกค้าจะอยากนำเข้าสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน หรือส่งออกไปยังตลาดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามีข้อมูลและทีมที่สามารถให้คำแนะนำทั้งในแง่ของกฎระเบียบ ข้อบังคับทางการค้า และโอกาสในแต่ละประเทศ โดยมีโซลูชันหลักที่ตอบโจทย์ลูกค้าหลากหลาย เช่น

 

  • LC / TR (Letter of Credit / Trust Receipt) สำหรับลูกค้าที่นำเข้าสินค้า
  • Packing Credit สำหรับลูกค้าที่มีใบสั่งซื้อต่างประเทศและต้องการเงินทุนเพื่อเตรียมผลิต
  • BizTrade+ โครงการที่เปิดวงเงินสินเชื่อสูงสุดถึง 12 ล้านบาท โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน เพียงมีเอกสารประกอบธุรกรรมจริง เช่น ใบสั่งซื้อหรือใบแจ้งหนี้ 

และไม่จำเป็นต้องเป็นธุรกรรมระหว่างประเทศเสมอไป ลูกค้า SME ที่ทำธุรกิจภายในประเทศก็สามารถใช้บริการเหล่านี้ได้ เพียงมีใบ invoice ก็สามารถขอวงเงินสำหรับ TR ได้เช่นกัน

 

นอกจากนี้ ธนาคารยูโอบียังมีทีม FX ที่ให้คำปรึกษาเรื่องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งมักเป็นสิ่งที่ลูกค้า SME มองข้าม ทั้งที่ความผันผวนเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลต่อกำไรหรือขาดทุนได้ทันที เราจึงไม่เพียงแค่ปล่อยสินเชื่อ แต่ยังช่วยวางแผนให้ลูกค้าได้เติบโตอย่างมั่นคงในตลาดต่างประเทศ

 

เชื่อม SME เข้ากับห่วงโซ่อุปทาน ด้วยโซลูชัน Financial Supply Chain Management


ในโลกที่ซัพพลายเชนทั่วโลกถูกดิสรัปต์จากทั้งโควิด สงครามการค้า ไปจนถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การดำเนินธุรกิจให้ต่อเนื่องและไม่สะดุดจึงกลายเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการ SME ที่ต้องพึ่งพาพาร์ตเนอร์รายใหญ่ในห่วงโซ่อุปทาน

 

ธนาคารยูโอบีเข้าใจความท้าทายนี้ จึงพัฒนาโซลูชันที่เรียกว่า Financial Supply Chain Management (FSCM) เพื่อสนับสนุน SME ให้สามารถเติบโตได้แม้มีข้อจำกัดเรื่องเครดิตและหลักประกัน โดยมีโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อลูกค้ารายเล็กโดยเฉพาะ เช่น

 

  • Buyer Financing สำหรับ SME ที่ต้องซื้อสินค้าจากผู้ผลิตรายใหญ่ 
  • Supplier Financing สำหรับ SME ที่ขายสินค้าให้กับโมเดิร์นเทรดหรือองค์กรขนาดใหญ่

 

ล่าสุดธนาคารยูโอบีได้ร่วมมือกับ Big C เปิดแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ช่วยให้ผู้ประกอบการที่ขายของให้ Big C สามารถเลือกขอไฟแนนซ์จากธนาคารยูโอบีได้ผ่านระบบออนไลน์ทันที ไม่ต้องใช้เอกสาร ไม่ต้องมีหลักประกัน แค่คลิกเลือกใบอินวอยซ์ในระบบก็รับเงินทุนไปหมุนเวียนได้เลย โดยดอกเบี้ยอยู่ในระดับแข่งขันได้ และสามารถต่อเทอมการชำระได้หากจำเป็น  

 

สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ SME ที่อยากขยายสเกลธุรกิจสามารถเข้าถึงทุนได้ง่ายขึ้น มั่นใจได้ว่าสินค้าที่ขายให้กับเจ้าใหญ่จะเปลี่ยนเป็นเงินสดในเวลาที่ต้องการ ไม่ต้องกังวลเรื่องเครดิตหรือกระแสเงินสดอีกต่อไป

 

SME กับการเปลี่ยนผ่านระหว่างเจเนอเรชัน


หนึ่งในความท้าทายที่ธุรกิจ SME จำนวนมากกำลังเผชิญในวันนี้คือการส่งต่อกิจการจากเจเนอเรชันหนึ่งสู่อีกเจเนอเรชัน ซึ่งธนาคารยูโอบีมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่มีผลต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ และเป็นโจทย์ที่ทุกสถาบันการเงินให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในมุมของธนาคารยูโอบีเราเชื่อว่าการเปลี่ยนผ่านจะเป็นไปอย่างราบรื่นเมื่อเจนเดิมเปิดใจให้เจนใหม่เรียนรู้ธุรกิจ และเจนใหม่มีโอกาสเข้าใจหลังบ้านอย่างแท้จริง



ในหลายกรณี เราเห็นว่าเมื่อลูกหลานได้คลุกคลีกับธุรกิจตั้งแต่แรก เขาจะสามารถสวมความรู้ดิจิทัลเข้ากับระบบที่มีอยู่เดิมได้ดี เช่น การวิเคราะห์ว่าสินค้าชิ้นไหนขายดีในภาคไหน หรือการวางแผนสต๊อกสินค้าให้แม่นยำขึ้น ซึ่งธนาคารยูโอบีเองก็มีระบบข้อมูลที่ช่วยซัพพอร์ตในจุดนี้ เช่น โครงการ BizSmart ที่เปิดให้ SME รุ่นใหม่เข้ามาทดลองใช้โซลูชันดิจิทัลอย่างง่ายๆ เพื่อแสดงให้เจนเดิมเห็นว่าโลกดิจิทัลไม่ได้ซับซ้อนและยุ่งยาก รวมถึงกิจกรรมสัมมนาที่เชิญทั้งสองรุ่นมาร่วมฟัง ร่วมเรียนรู้ไปด้วยกัน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

 

การมีพาร์ตเนอร์ที่เข้าใจธุรกิจในแต่ละเจเนอเรชัน มีบทบาทสำคัญไม่แพ้การมีเครื่องมือที่ดี ธนาคารยูโอบีพยายามทำหน้าที่ตรงนี้ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และคำแนะนำที่เหมาะกับบริบทของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นสายผลิตหรือเทรดดิ้ง และเข้าใจความแตกต่างของวิธีคิดระหว่างรุ่น

 

สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ธุรกิจ ‘ไปต่อได้’ และ ‘ส่งต่อได้’ อย่างราบรื่น


‘วินัย’ คือคีย์เวิร์ดที่อยากฝากไว้ ไม่ว่าจะเป็นวินัยในการใช้วงเงิน วินัยในการบริหารหลังบ้าน และวินัยในการมองเศรษฐกิจอย่างรอบด้าน คือสิ่งที่ทำให้ SME ไซซ์เล็กเติบโตเป็นธุรกิจไซซ์ใหญ่ได้อย่างมั่นคง

 

เพราะแม้เศรษฐกิจจะมีขึ้นมีลง แต่ถ้าธุรกิจมีวินัยในการบริหารการเงิน มีการเตรียมตัวเพื่อปรับปรุงกระบวนการในช่วงขาลง และไม่หลงไปกับยอดขายที่ก้าวกระโดดเกินจริง ก็จะสามารถยืนระยะได้ในทุกสถานการณ์

 

ธุรกิจที่โตแบบสมูท ไม่ได้หมายถึงโตช้า แต่คือโตอย่างเข้าใจธรรมชาติของตลาด เข้าใจวงจรของสินค้าตัวเอง และใช้วงเงินอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเจอเศรษฐกิจแบบไหน ธุรกิจคุณก็จะไปต่อได้อย่างยั่งยืน และส่งต่อได้อย่างราบรื่นแน่นอน

 


 

Credits

 

The Host ศิรัถยา อิศรภักดี

Show Producer พิชญ์สินี ยงประพัฒน์

Co-Producer กรรญารัตน์ สุทธิสน 

Creative ปวริศา ตั้งตุลานนท์

Sound Editor มุกริน ลิ่มประธานกุล

Sound Editor เอกธันวา สารศรี

Sound Designer & Engineer กฤตพล จียะเกียรติ

Sound Recording Engineer  ขจีพรรณ วิจิตรรัตน์

Graphic Designer ธิดามาศ เขียวเหลือ

Channel Manager เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์

Channel Admin นิพพิชฌน์ ชุลีนวน

Proofreader Team

THE STANDARD Webmaster Team

THE STANDARD Archive Team

  • LOADING...

READ MORE

MOST POPULAR



Close Advertising