×

ทำเพลงซาวด์ 80s ด้วยนักดนตรีระดับโลกยุค 80s กับอัลบั้มใหม่ของ บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์

26.01.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

Time index

00.55 เพลงใหม่ อัลบั้มใหม่

17.15 การร่วมงานกับนักดนตรีระดับโลก

13.55 ซิงเกิลแรก Spotlight

20.10 พฤติกรรมการฟังเพลงของแฟนเพลงยุคนี้เปลี่ยนไปมาก แล้วตัวของบุรินทร์เปลี่ยนไปไหม

23.31 การทำเพลงแบบก้าวหน้าไปข้างหลัง

ถึงโลกจะก้าวสู่ยุคดิจิทัล แต่ความพิถีพิถันในการทำเพลงของ บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ กลับย้อนไปสู่ยุคอะนาล็อก เมื่อในอัลบั้มใหม่ เขาและทีมงานได้สร้างเสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ด้วยฝีมือมนุษย์เพียวๆ และสร้างซาวด์ 80s จากนักดนตรีและทีมงานระดับโลกยุค 80s ที่เคยร่วมงานกับไมเคิล แจ็คสัน มาแล้วในอัลบั้ม Thriller


และ Spotlight ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มใหม่ คือเพลงที่บุรินทร์หมายมั่นว่าจะนำบรรยากาศดนตรีแดนซ์เก่าๆ ที่น่าถวิลหากลับมา

 


 

เพลงใหม่ อัลบั้มใหม่

หลังจากหายไป 7 ปี นับตั้งแต่อัลบั้ม Gran Turismo ผมก็กลับมาทำอัลบั้มอีกครั้ง คราวนี้ก็ยังเป็นเพลงแนวโซลเหมือนเดิม แต่กลิ่นมันเปลี่ยนไป คือตอนทำ Groove Riders เป็นกลิ่นโซลยุค 70s เป็นดิสโก้ มีเครื่องเป่า เครื่องสาย เป็นดนตรีที่สร้างขึ้นสำหรับเต้นรำโดยเฉพาะ มีเพลงมีเดียม เพลงช้าด้วย แต่คราวนี้วิธีการทำงานมันเปลี่ยนไป ด้วยความที่ทุกๆ ทศวรรษ ซาวด์ดนตรีมันจะเปลี่ยน


70s-80s เป็นช่วงดิสโก้ พอ 80s ก็เป็นช่วง Anti-disco จะมีดนตรีหลายแนวเกิดขึ้นมา คนที่เล่นดนตรีโซลในยุคนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลง จะไม่ใช้ดนตรีสดแล้ว ช่วงปลาย 70s มันมีเครื่องดนตรีใหม่ๆ เข้ามา อย่างซินธ์ เสียงสังเคราะห์มีมากขึ้น ทำให้บทบาทของเครื่องเป่าเครื่องสายจริงๆ มันลดน้อยลงไป เพราะเสียงซินธ์มันทำได้ใกล้เคียงเสียงเหล่านั้น


ซึ่งก็คล้ายกับการทำงานของผมที่เราพัฒนามาจนอิ่มตัว ตกผลึก เลยคิดว่าเรามาทำอะไรใหม่ๆ ดูดีกว่า การเข้าห้องอัดก็เปลี่ยนไป เพราะอย่างอัลบั้ม Gran Turismo เป็นซาวด์ยุค 60s ปลายๆ ประมาณ 1967-1969 มันเป็นช่วงที่เรียกว่า Blaxploitation ที่คนดำเริ่มปฏิวัติว่าอยากมีสิทธิเสรีภาพเหมือนคนขาว


ช่วงชุดนั้นอัดด้วยวิธีเล่นพร้อมกันทั้งวง เอาทั้งแบนด์มาเล่น แล้วก็อัดเลย แต่คราวนี้เราต้องการซาวด์ที่อยู่ในหัวผม เลยต้องกลับมาทำการบ้าน มีการทำโปรดักชันกันก่อน เราเริ่มด้วยการทำไกด์เพลงมาก่อน แล้วก็ต้องมาทดลองซาวด์ อย่างเสียงกลองก็ลองกันอยู่นานกว่าจะได้ซาวด์ที่ต้องการ เลยใช้เวลาทำงานมากขึ้น


เพลงในอัลบั้มนี้ยังเป็นโซลอยู่ แต่จะเรียกว่าอิเล็กโทรโซล หรือบางเพลงก็เป็นนิวโซล เราทำเพลงมานาน ตั้งแต่ซาวด์แบบ 60s, 70s พอมา 80s ก็คิดว่าอยากทำอะไรที่แปลกใหม่ เลยเป็นอัลบั้มนี้

 

 

ใครโปรดิวซ์อัลบั้มนี้

ก็มีผมกับคุณกันต์ รุจิณรงค์ หรือบอล อพาร์ตเมนต์คุณป้า ที่ทำกันมาตั้งแต่อัลบั้มที่แล้ว ความสัมพันธ์ก็คือเราสองคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กในระดับครอบครัว รู้จักตั้งแต่รุ่นปู่ผมกับพ่อเขา จนไปเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองเดียวกัน กลับมาก็ต่างแยกย้ายไปทำวงดนตรี แต่ก็เรียกว่ายังกลับมาเล่นสดด้วยกันตลอด


เวลาทำงานก็ไม่ได้เห็นตรงกันทุกเรื่อง แต่ก็เป็นการถกเถียงกันที่สนุก เวลาเถียงกันก็เรียกว่าใครออกจากห้องอัดก่อนคนนั้นแพ้ ซึ่งชุดนี้ผมชนะเยอะกว่า เพราะเขาหนีไปกินข้าวบ้าง หนีออกไปนอนบ้าง ก็เสร็จผม

 

การร่วมงานกับนักดนตรีระดับโลก

มีคุณนาธาน อีสต์ มาช่วยเล่นเบส เหมือนเป็นโชคชะตาที่ดี คือดนตรีแนวโซลเป็นของคนดำ ซึ่งเวลาคนขาวมาเล่นก็เรียกว่า Blue-eyed Soul คนเอเชียมาเล่นก็ได้อีกซาวด์หนึ่ง ก็คิดว่าทำไมเราทำดนตรีโซลทั้งที ไม่เอาต้นตำรับมาเล่นเลยล่ะ เลยเล็งคุณนาธาน อีสต์ นี่แหละมาอัด เพราะเขาเป็นคนอัดเบสให้ไมเคิล แจ็คสัน อัลบั้ม Thriller ซึ่งทำยอดขายดีที่สุดตลอดกาล ที่ผมชอบที่สุดอัลบั้มหนึ่ง


ก็เผอิญโชคดี ผมได้เป็น ambassador ให้ Yamaha เช่นเดียวกันกับเขา เลยได้เจอกัน ได้คุยกัน ผมก็เปิดเพลงผมให้เขาฟัง เขาก็บอกว่าเขาทึ่ง ไม่นึกว่าเมืองไทยมีคนทำดนตรีเข้มข้นขนาดนี้ เขาสนใจทำด้วย ผมก็ส่งเพลงให้เขาฟัง รุ่งขึ้นก็ไปอัดกัน เขาใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงครึ่งอัดเพลง 10 เพลง ฟังแค่รอบเดียว เขาเป็นคนที่น่ารักมาก โปร ทำงานเร็ว mindset ดีมาก ล่าสุดเขาก็เพิ่งเล่นให้ Daft Punk เล่นให้เกือบทุกคนน่ะ


อีกคนที่มีชื่อพอๆ กันคือ เบอร์นี กรันด์แมน เป็น Mastering Engineer ที่ทำให้กับไมเคิล แจ็คสัน ทำให้ชุด Thriller เหมือนกัน ด้วยความที่เราชอบอัลบั้มนั้นมาก ก็เลยอยากให้บุคลากรยุคนั้นมาทำ ผมก็คุยกับเขา เขาก็ส่งให้ทีมเขาทำ พอเอามาฟังก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เบอร์นีอะ มันต้องกลับไปยุคนั้นให้ได้ ก็คุยอีกรอบ เขาก็รับเอาไปทำเองเลย เพลงส่งกลับมา ผมฟังแล้วมีความสุขมาก มันคือความฝันที่เป็นจริง ความเพราะของเพลงมันเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อมันมาสเตอริงแล้ว ตัวมิกซ์ดาวน์ก็ทำกับ เอริก เฟอร์กูสัน ที่ทำให้ผมมาหลายอัลบั้ม แล้วยังทำให้ศิลปินอีกหลายคน ทั้งอารีธา แฟรงคลิน, แจ็ค จอห์นสัน, บรูซ สปริงทีน เยอะมาก

 

ร่วมงานกับนักดนตรีระดับโลก มีปัญหาอะไรไหม

ไม่มีนะครับ อาจเป็นโชคดีที่ทุกคนชอบเพลงเรา เขาฟังแล้วอยากจะเล่น อีกอย่างคือเรซูเมงานของเรา เพลงที่เราทำมาตลอดมันพิสูจน์ตัวเรามาตลอดว่าเราตั้งใจทำเพลงจริงๆ และเป็นแนวเพลงที่เราชอบจริงๆ

 

ซิงเกิลแรก Spotlight

อัลบั้มจะปล่อยปีหน้า แต่ปีนี้ปล่อยซิงเกิลแรกก่อนในชื่อ Spotlight ครับ เพลงนี้เริ่มทำดนตรีมาก่อนตามสไตล์การทำงานของพวกเรา เพลงนี้ดีไซน์มาให้เรามีส่วนร่วมกับผู้ฟังของเราได้เต็มที่ ให้ฟังแล้วรู้สึกว่าอยากร้องตาม ขยับตาม ร้องตามง่ายมากๆ แต่ฮะฮา ฮุฮู ฟังครั้งเดียวร้องได้เลย

 

นักแต่งเพลงตัวละครลับ

ช่วง 4 ปีที่เริ่มทำอัลบั้มนี้ มีคนหนึ่งที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญด้วย เป็นน้องผู้ชายคนหนึ่งที่เจอกันที่บ้านพี่บอล พี่บอลก็บอกว่าน้องคนนี้เขียนเพลงดีมาก ร้องเพลงดี เราก็ฟัง ก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้มีของ ผมเลยชวนเขามาทัวร์คอนเสิร์ตด้วยกัน เขาคืออะตอม ชนกันต์ เขามาอยู่วงผม 4 ปี เป็นนักร้องอีกคนของวง ในช่วงนั้นก็ทำอัลบั้มอยู่ด้วย ก็ชวนเขามาเขียนเพลงด้วยกัน ทำให้แทบทุกเพลงในอัลบั้มนี้ผมเขียนร่วมกับอะตอม เขาเป็นคนเก่ง ร้องเพลงได้เรนจ์กว้างมาก ทีมงานแต่งเพลงอัลบั้มนี้ของผมมี 4 คน คือผม พี่บอล น้องอีกคนชื่อกวิน เป็นมือคีย์บอร์ด และอะตอม บางทีคิดเพลงไม่ออกก็ขับรถไปต่างจังหวัดเลย ก็เกิดเพลงดีๆ ขึ้นมาตามที่ต่างๆ เยอะ


สำหรับเพลง Spotlight ตัวดนตรีหลักๆ จะเป็นฝีมือซินดี้ ซุย การปล่อยเพลงในอัลบั้มนี้ จะปล่อยทุกๆ 4 เดือนโดยประมาณ

 

 

พฤติกรรมการฟังเพลงของแฟนเพลงยุคนี้เปลี่ยนไปมาก แล้วตัวของบุรินทร์เปลี่ยนไปไหม

เปลี่ยนครับ เปลี่ยนทั้งการฟัง การทำเพลง มันก็โตไปตามอายุเรา ช่วงมหาวิทยาลัยเราก็ฟังเพลงร็อก อัลเทอร์เนทีฟ ฮิปฮอป อิเล็กทรอนิกส์ พอจบมาก็คลั่งไคล้ดนตรีโซล แต่พอช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาผมมาฟังเพลงแจ๊ซมากขึ้น เพราะมันสบาย ผมชอบอย่าง ลี มอร์แกน กับคลิฟฟอร์ด บราวน์ ซึ่งผมว่ามันเพราะ มีหลายคนถามว่าผมชอบเพลงแนวไหน ผมก็ตอบว่าชอบแนวเพราะ ผมฟังได้หมดทั้งร็อก ฮิปฮอป อิเล็กทรอนิกส์ โซล แจ๊ซ บลูส์ หมอลำ ลูกทุ่ง ลูกกรุง ได้หมด


จริงๆ เพลงแจ๊ซเนี่ยฟังตั้งแต่มหาวิทยาลัย แต่เป็นพวกจอห์น โคลเทรน, Bitches Brew อะไรพวกนี้ วัยรุ่นเราอยากดูเท่ ดูมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน ไม่เหมือนใคร พอโตขึ้นเราก็คิดว่า less is more สำคัญกับเรามากขึ้น ตอนทำ Gran Turismo เคยมีแทร็กสูงสุดที่ส่งมิกซ์คือ 99 แทร็ก เยอะมาก เรากลับไปมองก็รู้สึกว่าน้อยกว่าก็เพราะได้ ก็อยู่ได้นานกว่า มันฟังได้เรื่อยๆ


อัลบั้มนี้แทร็กเราลดลงหมด จากที่เคยมี 13-15 ชิ้น บางเพลงในอัลบั้มใหม่นี้มีแค่ 3-4 ชิ้นเอง

 

การทำเพลงแบบก้าวหน้าไปข้างหลัง

ผมเป็นคนชอบฟังเพลงเก่า แต่ไม่ได้ปิดกั้นเพลงใหม่ๆ นะ แต่ศิลปินใหม่เขาต้องพิสูจน์ตัวเอง เพราะเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเราชอบเขามากแค่ไหน ความคิดผมคือดนตรีมันหยุดอยู่ที่ 90s หลังจากนั้นไม่มีอะไรใหม่แล้ว คือเรามี 30s ที่เป็น Dixieland พอ 40s ก็แนวใกล้ๆ กัน พอ 50s ก็เริ่มมีเพลงป๊อป Doo-wop เพลงโซล ปี 60s ก็มีเพลงหลากหลายแตกแขนงออกมาเรื่อยๆ ทั้งอาร์แอนด์บี ทั้งอะไรต่ออะไร 70s ก็มีฟังก์ 70s มีฮิปฮอป แล้วผมคิดว่าพอตั้งแต่ยุค 2000s เป็นต้นมา ดนตรีมันเริ่มกลับไปหาสิ่งเก่าๆ


ผมคิดว่านักดนตรี นักทำเพลงทุกคนมีเรเฟอเรนซ์เป็นของตัวเอง เพลงของเขาก็จะมีกลิ่นของเพลงที่เขาฟังอยู่ในนั้น มันไม่ใช่การก๊อบ มันเป็นกลิ่น มันอยู่ในใจ ในหัวคุณ ผมมองว่าพวกซินธ์ป๊อปที่กลับมาในยุคนี้ ทั้ง Breakbot เองก็ตาม มันก็มาจาก 80s ผมก็เคยทำในเพลง The Lift ทำเป็นลูปเหมาะกับซาวด์ 80s


อัลบั้มใหม่นี้ย้อนกลับไปยุคต้น 80s เล่าให้เห็นภาพชัดๆ คือถ้าใครดู Netflix จะมีซีรีส์เรื่อง The Get Down ซึ่งเป็นยุคสุดท้ายของโซลดิสโก้ กำลังเริ่มเข้าฮิปฮอป มีวงดนตรีอย่าง Grandmaster Flash หรือแนวอย่าง Sugarhill Gang ที่ดนตรีดีเจเริ่มจะกลับมา อัลบั้มผมก็คล้ายๆ อย่างนั้น เริ่มอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น มีลูป มีดีเจ มีแรปมากขึ้น แต่ของผมจะทำแบบเหมือนอิเล็กทรอนิกส์ แต่ใช้มนุษย์เล่น ด้วยความที่ซาวด์คอมพิวเตอร์เสียงมันแข็ง ซึ่งหลายคนจะคิดเหมือนผมว่ามันมีปัญหา ซาวด์ดนตรีมันแข็งมากขึ้น การฟังจากซีดีกับแผ่นเสียง ความรู้สึกมันคนละอย่างกัน


การอัดก็ใช้เครื่องดนตรีเก่าๆ ทั้งหมด เราไปซื้อพวกเครื่องดนตรียุค 80s มาเล่นอัด แล้วก็อัดด้วย reel ไปเอาบุคลากรที่ใช้เครื่องเหล่านี้เป็นมาร่วมงาน มันได้ซาวด์ที่ดีจริงๆ


คือเทคโนโลยีเราก็ต้องตามให้ทัน แต่ในเรื่องซาวด์ดนตรี นักฟังเพลงจะชอบฟังเสียงจากอะนาล็อกมากกว่า ผมเกิดในยุคดิจิทัล เป็นเทปยุคสุดท้ายก่อนเป็นดิจิทัล ผมก็ฟังเพลงดิจิทัลมาตลอดชีวิต เคยฟังศิลปินอย่าง Sade ในซีดีมาตลอด พอโตขึ้นผมซื้อแผ่นเสียงมาฟัง ก็ปรากฏว่ามันไม่เหมือนที่เราฟังมาตลอดชีวิตเลย มันเปิดโลกเราเลย ก็เลยเริ่มฟังแผ่นเสียงมาจากจุดนั้น


อัลบั้มนี้ก็มีทำเป็นแผ่นเสียงด้วยเหมือนกัน จะเป็นแผ่นซิงเกิล และมีแผ่นอัลบั้มในปีหน้าครับ ตอนแรกจะทำแต่แผ่นเสียงเลย ไม่มีซีดี แต่ค่ายไม่ยอม

 

 

ติดตามซิงเกิลใหม่และความเคลื่อนไหวของบุรินทร์ได้ที่เพจ Muzik Move และ Burin Boonvisut

 


 

Credits

The Host แพท บุญสินสุข

The Guest บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์

Show Creator แพท บุญสินสุข

Show Producer นทธัญ แสงไชย

Episode Editor นทธัญ แสงไชย

Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ

Coordinator & Admin อภิสิทธิ์​ หรรษาภิรมย์โชค

Art Director กริน ลีราภิรมย์

Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

Proofreader ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

Music Westonemusic.com

  • LOADING...

READ MORE

MOST POPULAR



Close Advertising