วันนี้ (1 ธันวาคม) ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีเปิดงาน ‘ปรับ ฟื้น คืนสุข เมืองล้านนา’ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและส่งมอบมาตรการช่วยเหลือด้านสินเชื่อให้ประชาชน
นายกรัฐมนตรีระบุว่า ตนเองรู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้กลับมาอีกครั้ง และที่นี่กลับมาสดชื่นและคึกคัก ซึ่งการเดินทางมาลงพื้นที่ในวันนี้ถือว่ามารับฟังปัญหาของประชาชน ถึงวันนี้มีปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ มีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีหลายคนลงพื้นที่ ซึ่งจะมีมาตรการต่างๆ ในการช่วยเหลือเช่นเดียวกับพื้นที่ภาคเหนือ เนื่องจากปัญหานี้เป็นปัญหาที่สร้างความลำบากให้กับประชาชน และกระทบกับระบบเศรษฐกิจของประเทศ
วันนี้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ออก Soft Loan (สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ) และประชาชนได้รับค่าเยียวยาที่รวดเร็ว ซึ่งการแก้ไขปัญหาผ่านพ้นไปได้ไม่ใช่เพราะนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว แต่เป็นเพราะรัฐมนตรีทุกกระทรวงและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพร้อมใจกัน อยากการเยียวยาถึงมือประชาชนโดยเร็วและทันท่วงที
ขณะเดียวกันหากมีเหตุการณ์วิกฤตเช่นนี้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่ใดของประเทศก็ตาม รัฐบาลจะต้องดูแลและเยียวยาประชาชน เพราะประชาชนเป็นส่วนสำคัญของประเทศ ทำให้ประเทศก้าวหน้าอย่างเข้มแข็ง รัฐบาลส่งกำลังใจให้กับประชาชนเสมอ และมาตรการต่างๆ ที่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ก็จะทำอย่างต่อเนื่องแน่นอน ขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นเรื่อยๆ ประเทศแข็งแรง คนไทยรักกัน นั่นคือสิ่งที่รัฐบาลตั้งใจ และรัฐบาลเน้นการผ่อนคลายภาระหนี้สินของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เพื่อสร้างสภาพคล่องให้กลับมาช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ด้วยสถานการณ์และสภาพภูมิอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดภาวะโลกร้อน จึงเร่งผลักดันศึกษาผ่านการใช้เทคโนโลยีเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากภัยพิบัติให้มากที่สุด และตั้งใจให้ความทุกข์ของประชาชนลดน้อยลงที่สุด และขอให้ประชาชนไว้ใจรัฐบาลว่าทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่จริงๆ ขอบคุณประชาชนที่เข้มแข็ง
ภายหลังเปิดงานแพทองธารให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่อำเภอแม่สายว่า ครั้งที่แล้วที่มาสถานการณ์ไม่ได้เป็นแบบนี้ และก่อนหน้านี้ได้รับรายงานจากหน่วยงานในพื้นที่มาตลอดอยู่แล้ว ทั้งกระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย วันนี้มาช่วยกันดูแลและเห็นประชาชนที่ได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการ Soft Loan ของกระทรวงการคลัง หลังจากเกิดอุทกภัยและดินโคลนถล่มทำให้สถานการณ์ยิ่งหนัก บางจุดเมื่อน้ำผ่านไปการฟื้นฟูกลับมาได้ยาก มาตรการ Soft Loan จึงมีความจำเป็นมาก เพราะทำให้ประชาชนกลับมายืนได้หลังจากธุรกิจเสียหายไปหมด
เมื่อถามว่าพื้นที่ที่ประสบปัญหาหนักทำประชาชนเกิดความกลัว ไม่กล้ากลับเข้าไป มีแผนอะไรในเรื่องนี้หรือไม่ แพทองธารกล่าวว่าจะวางแนวกั้นบรรเทาน้ำและดินโคลนถล่ม ซึ่งดำเนินการแล้ว คาดว่าในปีหน้า 2568 จะแล้วเสร็จและสามารถบรรเทาปัญหาได้ และจะมีมาตรการในระยะยาว โดยผู้รู้และผู้เชี่ยวชาญต้องมาพูดคุยกัน เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในเรื่องของงบประมาณ และทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน เราต้องทำเตรียมไว้ เพราะภัยธรรมชาติห้ามไม่ได้ ส่วนแผนต่อไปจะคุยกับประชาชนให้เกิดความชัดเจนถึงความต้องการของเขา
เมื่อถามว่าในส่วนที่อยู่อาศัยที่มีการล้ำเข้าไปในแม่น้ำจะดำเนินการอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้ที่จริงไม่เกี่ยวกับเรื่องเส้นแบ่งเขตแดน เพราะเป็นเรื่องของเส้นทางน้ำ ไม่เกี่ยวกับการกั้นพรมแดนระหว่างประเทศ
เมื่อถามว่าประชาชนเกิดความสงสัยว่าปัญหาน้ำท่วมหนักของภาคเหนือครั้งนี้เกิดขึ้นมาจากการทำเหมืองทองฝั่งเมียนมา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปัญหาในแม่น้ำสายหากเกิดจากประเทศเพื่อนบ้าน เราจะคุยกัน และจากที่พูดคุยในวงประชุมแม่โขง-ล้านช้าง เราได้พูดคุยทั้งหมด ไม่ว่าน้ำจะมาจากทางไหนก็ไปทางเขาด้วยเช่นกัน จึงต้องมีความร่วมมือกับหลายประเทศ
ต่อมาเวลา 13.20 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางไปที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS เชียงราย ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย พบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และมอบบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่บุคคลที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสมามอบสัญชาติให้ มั่นใจว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่พี่น้องรอมานานแล้ว จำได้ว่าตั้งแต่ตนไปลงพื้นที่ก่อนที่จะเลือกตั้งได้คุยกับพี่น้องชาวชาติพันธุ์หลายคนและเข้าใจถึงปัญหา ทราบว่าอยู่เมืองไทยมาแสนนานแต่ยังไม่มีสัญชาติ ยังไม่มีบัตร ไม่ได้รับสวัสดิการต่างๆ จากรัฐเลย ที่มาวันนี้รู้สึกดีใจแทน
ต่อไปนี้จะมีสวัสดิการของรัฐที่จะช่วยดูแลเรื่องสาธารณสุขและเรื่องต่างๆ เวลาเกิดปัญหาอะไรขึ้นสามารถพึ่งพารัฐบาลได้ ในฐานะของรัฐบาลรู้สึกดีใจและภูมิใจที่มีโอกาสดูแลพี่น้องอย่างทั่วถึง
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า รัฐบาลตระหนักดีเรื่องการให้สัญชาติ ให้ที่อยู่ เป็นเรื่องที่สำคัญต่อชีวิต โดยเฉพาะทุกท่านที่รอคอยมานาน พี่น้องชาวชาติพันธุ์ที่รออยู่ 4 แสนกว่าคน ซึ่งรัฐบาลลดขั้นตอนให้เร็วขึ้น โดยมติ ครม. เห็นชอบในร่างหลักเกณฑ์ใหม่ที่จะช่วยลดระยะเวลาสำหรับพี่น้องที่ไม่ได้เกิดในประเทศไทย จากที่เคยใช้เวลา 270 วันเหลือเพียง 5 วันเท่านั้น และการขอสัญชาติของพี่น้องเกิดในประเทศไทยจาก 180 วันเหลือเพียง 5 วันเช่นกัน
สิ่งนี้ทำให้พี่น้องชาติพันธุ์มีความหวังขึ้น ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้รับสัญชาติไทยอย่างทั่วถึง ในหลักเกณฑ์จะเพิ่มกลไกการไตร่ตรองการตรวจสอบด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องความปลอดภัยจะทั่วถึงมากยิ่งขึ้น หลักเกณฑ์ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และแน่นอนรัฐบาลพร้อมส่งเสริมเรื่องนี้ต่อเนื่องและเต็มที่ทุกด้าน ไม่ว่าจะเรื่องงบประมาณและทรัพยากรที่จำเป็นต่างๆ และทุกหน่วยงานจะช่วยร่วมมือให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็ง