×

พิธา นำทีม โรงงานวิน โพรเสส เผยปัญหานี้บริหารจัดการได้ รัฐบาลต้องเปลี่ยนระบบบริหารขยะอุตสาหกรรมทั้งประเทศ

โดย THE STANDARD TEAM
05.05.2024
  • LOADING...
พิธา ลงพื้นที่ โรงงาน วิน โพรเสส

วันนี้ (5 พฤษภาคม) ที่อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย สส. ระยอง จากพรรคก้าวไกลทั้ง 5 เขต ร่วมลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุไฟไหม้โรงงานเก็บสารเคมี บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ก่อนเปิดเวทีประชาคมรับฟังปัญหาจากประชาชน และข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาจากองค์กรภาคประชาสังคม

 

พิธาและ สส. พรรคก้าวไกลได้ลงพื้นที่สำรวจส่วนหน้าของโรงงานวิน โพรเสส ก่อนจะเดินทางไปยังสวนเกษตรที่อยู่ติดกับโรงงานและโรงเรียนวัดหนองพะวา เพื่อรับฟังรายละเอียดผลกระทบและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโรงงานแห่งนี้ ทั้งจากการลักลอบขนย้าย กักเก็บ และปลดปล่อยสารเคมีสู่พื้นที่รอบข้างมาอย่างต่อเนื่องนับ 10 ปี จนทำให้แหล่งน้ำและพื้นที่สวนของประชาชนเต็มไปด้วยการปนเปื้อนสารเคมี รวมถึงเหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อวันที่ 22 เมษายน ซึ่งทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักขึ้น

 

จากนั้นเดินทางไปที่วัดหนองพะวา เพื่อพูดคุยและรับฟังปัญหาจากประชาชน โดยมีประชาชนในชุมชนรอบข้างที่ได้รับผลกระทบจากโรงงานวิน โพรเสส เข้าร่วมกิจกรรมและสะท้อนปัญหาที่หลากหลายแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นความต้องการให้ขนย้ายวัตถุอันตรายและสารเคมีออกโดยทันที การติดตามตรวจสอบผลกระทบด้านสุขภาพ การนำผู้ปลดปล่อยมลพิษมาลงโทษและรับผิดชอบ รวมถึงข้อกังวลของโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากการใช้น้ำบาดาลไม่ได้มาเป็นเวลานานแล้ว เป็นต้น

 

พิธากล่าวว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่กระทบกับพี่น้องประชาชนภาคตะวันออกมาโดยตลอด ซึ่งวันนี้ตนได้ลงพื้นที่โรงงานที่ไฟไหม้ ได้ไปสวนยางของประชาชนที่อยู่รอบๆ และได้ไปเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชุมชน ได้เห็นภาพจริงๆ ว่ากลิ่นที่ต้องสูด น้ำที่ต้องดื่ม ผิวหนังที่คันเป็นอย่างไรบ้าง สิ่งที่เกิดขึ้นที่ระยองไม่ใช่กรณีเดียวในประเทศไทย แต่เป็นปัญหาระดับชาติที่เกิดขึ้นทุกที่ที่มีการจัดการขยะอุตสาหกรรม ผลกระทบในเรื่องนี้หนักขึ้นตั้งแต่มีการรัฐประหารและการออกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้โรงงานกำจัดขยะอุตสาหกรรมทำได้ในทุกผังเมือง ทั้งที่ไม่ควรมีโรงงานแบบนี้อยู่ใกล้สวนยางและโรงเรียน

 

ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนอย่างหนักหน่วงจะเกี่ยวข้องกับทั้งเรื่องดิน น้ำ ลม ไฟ โดยเฉพาะในช่วงนี้คือเรื่องไฟกับน้ำ ขณะนี้เองไฟก็ยังไม่สามารถดับได้หมด แต่ก็มีอีกปัญหาเกิดขึ้นแล้วคือเรื่องน้ำอุปโภคบริโภคที่ปนเปื้อน และหากเข้าสู่ฤดูฝนแล้วมีฝนตกหนักใส่บ่อสารเคมี เกิดการระบายน้ำที่ปนเปื้อนออกสู่ภายนอก ก็จะเกิดปัญหาเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องเรียงลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง ต้องโฟกัสเรื่องไฟและน้ำเป็นเรื่องเร่งด่วนเฉพาะหน้า ต้องเร่งเยียวยาผลกระทบและสุขภาพประชาชน

 

พิธากล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ประชาชนกังวลมากที่สุดในตอนนี้คือเรื่องการขนย้าย ซึ่งต้องการให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด โดยจากที่ได้ลงพื้นที่และศึกษาข้อมูลมา ตนเห็นว่าสามารถขนย้ายให้เร็วที่สุดภายใน 90 วันได้ แต่ก็ต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาเรี่ยราดหนักกว่าเดิม ถ้าขนแบบชุ่ยก็จะยิ่งฟุ้ง ยิ่งเลอะ ประชาชนจะเดือดร้อนมากกว่าเดิม โจทย์สำคัญในเวลานี้จึงเป็นเรื่องของการขนย้ายให้ได้เร็วที่สุดและมีคุณภาพ รวมถึงต้องคิดด้วยว่าจะขนไปที่ไหนที่จะไม่กระทบคนอื่น ต้องใช้งบประมาณเท่าไร ใช้จากงบกลางได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่สามารถบริหารจัดการได้

 

“เหลืออยู่อย่างเดียวคือเจตจำนงทางการเมืองว่าอยากช่วยประชาชนจริงหรือไม่ จะเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสให้มีความเข้าใจกระบวนการมากขึ้นได้อย่างไร ประเด็นสำคัญคือการทำบัญชีสารเคมี แยกออกมาให้ได้ว่ามีสารที่เป็นวัตถุติดไฟหรือไม่ อันตรายกับไม่อันตราย มีปฏิกิริยากับไม่มีปฏิกิริยา มีหลายรูปแบบ ถ้าวางแผนอย่างเป็นระบบก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด” พิธากล่าว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising