×

พิธาเผย ประชาชนมีสิทธิ์ตั้งคำถามปมวัคซีน ชี้ประยุทธ์และ ครม. ควรมีภาวะผู้นำ รับฟังและแก้ปัญหาโดยเร็ว

โดย THE STANDARD TEAM
20.01.2021
  • LOADING...
พิธาเผย ประชาชนมีสิทธิ์ตั้งคำถามปมวัคซีน ชี้ประยุทธ์และ ครม. ควรมีภาวะผู้นำ รับฟังและแก้ปัญหาโดยเร็ว

วันนี้ (20 มกราคม) ที่รัฐสภา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกมาไลฟ์วิพากษ์วิจารณ์การนำเข้าวัคซีน ซึ่ง พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่าเป็นการบิดเบือนข้อมูล ไม่มีข้อเท็จจริง และขอให้สื่อระมัดระวังการเสนอข่าว เรื่องไหนที่ไม่มีข้อเท็จจริงแล้วนำมาเผยแพร่ โดยเฉพาะในสื่อโซเชียลมีเดีย จะสั่งให้ดำเนินคดีทุกรายการนั้น

 

พิธากล่าวว่าตนขอเรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ มีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำให้มาก ในสถานการณ์ที่ประชาชนต้องการความเชื่อมั่นจากรัฐบาล ตัวนายกรัฐมนตรีต้องมีภาวะความเป็นผู้นำที่มากกว่านี้ โดยย้ำว่าประชาชนทุกคนไม่ว่าตนเองหรือธนาธรมีสิทธิ์ตั้งคำถามถึงงบประมาณในการจัดหาวัคซีนกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นภาษีของประชาชน และเป็นสิ่งที่ประชาชนกำลังให้ความสนใจและสำคัญต่อชีวิตของพวกเขา หน้าที่ของคนเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อประชาชนมีคำถามก็แค่ทำหน้าที่แจ้งข้อเท็จจริงต่อสังคม  

 

พิธากล่าวด้วยว่าวัคซีนมีหลายรูปแบบ มาจากเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน แต่ละยี่ห้อก็แตกต่างกัน ซึ่งหลักการสำคัญในการบริหารจัดการวัคซีนคือความโปร่งใส ประเมินความเสี่ยง และการกระจายความเสี่ยง ในขณะที่หลายประเทศกระจายความเสี่ยงโดยจัดหาวัคซีนจากหลากหลายบริษัท แต่ประเทศไทยเลือกที่จะผูกอนาคตไว้กับวัคซีน AstraZeneca เกือบ 90% โดยหลักการต้องมีการกระจายความเสี่ยงในสิ่งที่เรายังไม่รู้หรือยังมีความไม่แน่นอนอยู่เยอะ แต่ประเทศไทยเลือกที่จะผูกขาดอยู่ที่เจ้าเดียว ซึ่งถ้าจะเอาให้ครบทั้ง 50% ของประชากรจะใช้เงินถึง 1 หมื่นล้านบาท ประชาชนก็มีสิทธิ์ตั้งคำถามว่าวิสัยทัศน์ในการกระจายวัคซีนมีความเสี่ยงหรือไม่ หรือว่าไปผูกความเสี่ยงไว้กับเจ้าใดเจ้าหนึ่ง เทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่ง ผู้ผลิตใดผู้ผลิตหนึ่ง ประชาชนเจ้าของภาษีก็มีสิทธิ์ตั้งคำถาม นายกรัฐมนตรีก็แค่ตอบ เรื่องก็จบ แต่ท่านกลับหัวร้อน กระฟัดกระเฟียด และไม่ตอบคำถาม 

 

“ต้องไม่ลืมว่าถ้าเรารีบจัดการวิกฤตโควิด-19 ได้เร็วเท่าไร เศรษฐกิจก็ฟื้นเร็วเท่านั้น ถ้าจัดการเรื่องวัคซีนยังไม่ชัดเจน เศรษฐกิจก็จะมีความเสียหาย 3-4 เดือนจากนี้จัดการไม่ได้ GDP คาดว่าจะติดลบ ดังนั้นอยากเรียนนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีว่าควรเอาเวลาไปจัดการความสิ้นหวังประชาชน จากการที่ล้วงกระเป๋าไปแล้วไม่เจอเงิน จากการที่ให้ไปซื้อมือถือขณะที่เงินเติมอินเทอร์เน็ตไม่มี ควรมาแก้ปัญหาการแพร่ระบาด อธิบายให้ได้ว่าการแพร่ระบาดระลอกนี้ที่ต้นตอมาจากธุรกิจสีเทา บ่อน การบริหารแรงงานข้ามชาติที่ผิดพลาด ตรงนี้ล่ะที่จะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนมากกว่าที่จะไปฟ้องประชาชน” พิธากล่าว

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising