×

8 พรรคร่วมยังไร้ข้อสรุปประธานสภา พิธา-ชลน่าน ขอสื่ออย่าเปิดประเด็นใหม่ หวั่นสังคมสับสน ด้านวันนอร์ขอสละรองประธานสภา

โดย THE STANDARD TEAM
02.07.2023
  • LOADING...
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

วันนี้ (2 กรกฎาคม) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงผลการประชุมหัวหน้าพรรค และแกนนำ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ถึงประเด็นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า มีการพูดคุยกันเล็กน้อย และทิศทางเป็นไปด้วยดี มีความคืบหน้าบนพื้นฐานที่พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลมีความปรารถนาดีซึ่งกันและกัน 

 

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่าการทำงานในพรรคเพื่อไทยมีความหลากหลายของบุคลากร จึงมีความเห็นต่างมาก และการทำงานภายในต้องอาศัยข้อบังคับพรรค ซึ่งหัวหน้าพรรคก้าวไกลได้ยอมรับความเห็นที่เกิดขึ้น โดยพรรคเพื่อไทยจะนำวาระการหารือตำแหน่งประธานสภาจากคณะเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารและ ส.ส. ของพรรคในวันพรุ่งนี้ (3 กรกฎาคม) และมั่นใจว่าจะได้ข้อสรุปก่อน 12.00 น. ก่อนที่จะแจ้งให้พรรคก้าวไกลทราบ และก่อนจะมีการลงมติเพื่อเลือกตำแหน่งประธานสภาในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ 

 

นพ.ชลน่านยังย้ำด้วยว่า ในการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยมีเจตจำนงมุ่งผลสัมฤทธิ์ให้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ เพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะประโยชน์ของ 8 พรรคร่วมเท่านั้น เพราะหากผลสรุปไม่เป็นไปตามที่ประชาชนคาดหวังก็จะส่งผลกระทบต่อ 8 พรรคร่วมด้วย แต่ยืนยันว่าข้อสรุปในวันพรุ่งนี้ (3 กรกฎาคม) จะเป็นประโยชน์แน่นอน  

 

นพ.ชลน่านยังปฏิเสธที่จะตอบคำถาม หากมีการเสนอชื่อ ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยจากพรรคการเมืองอื่น โดยระบุว่าเป็นคำถามที่ตอบยาก และไม่อยากให้มีประเด็นใหม่มากระทบต่อการดำเนินการในขณะนี้ และขอให้รอความชัดเจน พร้อมยืนยันว่ากระบวนการในการลงมติเลือกประธานสภาของพรรคเพื่อไทยนั้น ส.ส. จะต้องยึดมติพรรค แม้จะมีเอกสิทธิ์ส่วนตัวก็ตาม 

 

เช่นเดียวกับพิธาที่ปฏิเสธที่จะตอบคำถามในกรณีที่พรรคเพื่อไทยยอมให้พรรคก้าวไกลดำรงตำแหน่งประธานสภา โดยมีเงื่อนไขที่พรรคก้าวไกลจะต้องสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี หากพิธาไม่สามารถได้รับเสียงสนับสนุนที่เพียงพอจากรัฐสภาได้ โดยย้ำเพียงว่าพรรคก้าวไกลมีความปรารถนาในการเร่งจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ และหวังว่าจะไม่มีประเด็นใหม่มากระทบต่อการตัดสินใจดังกล่าว และควรรอความชัดเจนในวันพรุ่งนี้ (3 กรกฎาคม) โดยยอมรับข้อกังวลที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมต่อการดำรงตำแหน่งประธานสภาของพรรคก้าวไกล ส่วนการประชุมของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้เป็นไปได้ด้วยดี มีเอกภาพ และพร้อมที่จะทำงานร่วมกันเช่นเดิม 

 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามพิธาถึงกระแสข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อตำแหน่งประธานสภา ทั้งกรณีที่พรรคก้าวไกลเสนอชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานสภา การลงมติอย่างอิสระ หรือฟรีโหวตของ ส.ส. พรรคเพื่อไทย แต่พิธาได้ย้ำทุกคำถามว่า “อย่าเพิ่งเปิดประเด็นใหม่” เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความสับสน เปรียบเสมือนการกินข้าวทีละคำ ดื่มชาทีละถ้วย 

 

ด้าน วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวถึงเงื่อนไขตำแหน่งรองประธานสภา ที่พรรคประชาชาติเป็นพรรคการเมืองลำดับที่ 3 ของพรรคร่วมว่า พรรคประชาชาติไม่มีเงื่อนไขใด และต้องการให้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ จึงยินดีเสียสละเพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยสำเร็จ และหวังว่าทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ 40 กว่าชั่วโมงขณะนี้สร้างชัยชนะให้ประชาชนในการได้รัฐบาลประชาธิปไตยได้ เพื่อไม่ให้โอกาสตกไปกับฝ่ายที่รออยู่ เพราะประเทศเสียเวลาไป 8-9 ปี เพื่อรอประชาธิปไตยกลับสู่ประชาชน จึงหวังว่า ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจะเข้าใจ เพื่อให้ชัยชนะเป็นของประชาชนที่รอคอยรัฐบาลใหม่อยู่ ซึ่งหากทำพลาด ประชาชนที่ยังเชียร์อยู่อาจจะไม่ให้อภัยในความผิดหวังครั้งนี้ 

 

นอกจากนั้น ในการประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ยังมีการติดตามการทำงานของคณะทำงานช่วงเปลี่ยนผ่านในคณะทำงานย่อยด้านพลังงาน ด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคม และคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจและปากท้องประชาชน 

 

ซึ่งที่ประชุมได้เตรียมความพร้อมในการจัดการราคาน้ำมันดีเซลที่จะขึ้นราคา ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่ายังไม่มีความจำเป็นในการขึ้นราคาขณะนี้ และสามารถขยายเวลาออกไปได้ก่อน แต่ทั้งนี้ก็จะต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลรักษาการปัจจุบัน รวมถึงค่าไฟฟ้าที่จะต้องหาสมดุลราคาพลังงานและสมดุลสิ่งแวดล้อม ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมพลังงานระยะยาว เพื่อแก้ไขปัญหาค่าครองชีพให้ประชาชน 

 

นอกจากนั้น ยังเห็นชอบให้มีการตั้งวอร์รูมเพื่อแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ติดตามการแก้ปัญหา การเปลี่ยนระบบเน็ตประชารัฐเป็นอินเทอร์เน็ตประชาชน ใช้ระบบไฟเบอร์ออปติก ซึ่งค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าและระบบเสถียรกว่า รวมถึงการพัฒนาระบบดิจิทัลไอดีการ์ด ให้บัตรประชาชนใบเดียวของประชาชนสามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขและการศึกษาได้มากขึ้น และการฟื้นเศรษฐกิจของประเทศด้วยการใช้ประโยชน์จากสัญญาเขตการค้าเสรี (FTA) ผลักดันให้เกิดตลาดใหม่ๆ ในเขตพื้นที่ที่การเจรจายังไม่สำเร็จหรือยังไม่มีการเจรจา 

 

รวมถึงการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ในการสร้างแรงจูงใจในการชำระคืน และช่วยเหลือลูกหนี้ ทั้งในการลดค่าปรับ เน้นการลดเงินต้นมากกว่าดอกเบี้ย การแก้ไขปัญหาหนี้ข้าราชการ ครู และตำรวจ ที่มีรายรับไม่พอรายจ่าย ไม่มีโอกาสได้รับเงินตอบแทนที่เพียงพอต่อการใช้ชีวิต

 

ที่ประชุมจึงเสนอให้กรมบัญชีกลางรวบรวมข้อมูลและพิจารณาการหักเงินเดือนเพื่อชำระเงินกู้ โดยจะต้องให้มีเหลือสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไม่ต่ำกว่า 30% ของเงินเดือน และให้สามารถชำระเงินต้นเงินกู้ได้ เพื่อลดยอดเงินกู้

 

พิธายังย้ำด้วยว่า ปลายทางการทำงานของคณะเปลี่ยนผ่านฯ และคณะทำงานย่อย จะได้ข้อสรุปเพื่อเป็นนโยบายของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่ตนเองจะใช้ในการแถลงเป็นนโยบายต่อรัฐสภา และเป็นวาระในการประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising