วันนี้ (26 สิงหาคม) พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อถูกถามว่า มีนโยบายในการรับลูกอย่างไรจากกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีข้อเสนอให้ลดหนี้ (Hair Cut) เพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยพิชัยระบุว่า ได้เริ่มศึกษาทำการบ้านในเรื่องดังกล่าวมานานแล้ว
ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการในส่วนของธนาคารรัฐไปแล้ว โดยมีแผนที่ดำเนินการต่อเนื่องสำหรับธนาคารพาณิชย์ต่อไป ซึ่งได้หารือกับธนาคารพาณิชย์ไปในเบื้องต้น พร้อมมอบโจทย์กับธนาคารพาณิชย์ให้ไปศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยประชาชน และพยายามให้ธนาคารพาณิชย์หลายๆ แห่งร่วมมือกันในเรื่องดังกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะเห็นความชัดเจนได้เมื่อใด พิชัยระบุว่า ขอให้ใจเย็นๆ
สภาพัฒน์แนะควรทำ Hair Cut เฉพาะกลุ่ม
ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับข้อเสนอมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนผ่านการลดเงินนำส่งกองทุน FIDF ว่า ทางกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรหารือกันเกี่ยวกับแนวทางและผลกระทบจากข้อเสนอดังกล่าวอย่างไร
“หากลดเงินนำส่งกองทุน FIDF ลงครึ่งหนึ่ง แน่นอนว่าอาจทำให้การปิดหรือชดเชยหนี้ FIDF นี้ยืดออกไป จึงต้องมาดูว่าการลดเงินนำส่งลงครึ่งหนึ่งมาใช้ช่วยเหลือผู้ที่เป็นหนี้จะทำได้อย่างไร โดยต้องมาพูดคุยกันแล้วเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย” ดนุชากล่าว
สำหรับข้อเสนอการลดหนี้ (Hair Cut) ดนุชาระบุว่า ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการพูดคุยว่ามีความจำเป็นที่ต้อง Hair Cut มากน้อยแค่ไหน แต่มองว่าการทำ Hair Cut ควรทำแบบเฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่ทั้งกระดาน (Across the Board) เนื่องจากวิธีการนี้อาจนำไปสู่ภาวะ Moral Hazard ได้
พร้อมแนะว่า เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญปัญหาเรื่องการกระจายรายได้ที่ ‘ไม่ทั่วถึง’ ดังนั้นรัฐบาลต้องมีมาตรการสร้างรายได้ สร้างอาชีพ ให้ยั่งยืนขึ้น ร่วมกับการปรับโครงสร้างหนี้ด้วย
“การแก้ปัญหา ถ้าจะเกิด Moral Hazard ก็ไม่ควรจะทำ แต่ควรทำในแง่รัฐเข้าไปเพิ่มการลงทุน สร้างการจ้างงานและรายได้ให้กับคน ขณะเดียวกันอาศัยความร่วมมือของธนาคารต่างๆ และ Non-Bank เร่งปรับโครงสร้างหนี้ของประชาชน” ดนุชากล่าว