×

ภูมิธรรมเผย ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน ยังอยู่ในขั้นตอนตีความของกฤษฎีกา ไม่ชัดส่งกลับก่อนปีใหม่หรือไม่

โดย THE STANDARD TEAM
20.11.2023
  • LOADING...
พ.ร.บ.กู้เงิน

วันนี้ (20 พฤศจิกายน) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน โครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า ตอนนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาของกฤษฎีกา ซึ่งกฤษฎีกาไม่ได้จะมาคัดค้านหรือไม่เห็นด้วย แต่ก็อยากให้ช่วยกันดูให้รอบคอบ รัฐบาลก็เห็นด้วยจึงส่งให้กฤษฎีกาช่วยดู ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการ และคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน 

 

รายงานความคืบหน้าต่อ ครม.

 

เมื่อถามว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้ (21 พฤศจิกายน) จะมีการรายงานความคืบหน้าเรื่องนี้หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า เดี๋ยวคงต้องดูว่าจะมีอะไรบ้างที่พูดไปแล้วไม่เข้าที่ประชุมจะกลายเป็นผิดอีก ทั้งนี้ ทางกฤษฎีกายืนยันว่าจะทำให้เร็วที่สุด ตนคิดว่าไม่มีใครจะดึงเรื่องให้ช้า ก็พยายามทำข้อสรุปให้ชัดเจนเพื่อพิจารณาต่อไปได้ 

 

ส่วนจะยืนยันได้หรือไม่ว่าหน่วยงานภาครัฐเห็นด้วย ถึงแม้จะมีการบันทึกไว้ในที่ประชุมว่าหน่วยงานใดไม่เห็นด้วย ซึ่งจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ ภูมิธรรมกล่าวว่า ตนว่าส่วนนี้เป็นนโยบายรัฐบาล สภาก็รับผิดชอบแล้ว และการดำเนินงานของรัฐบาลก็พยายามรับฟังความคิดเห็นอย่างเต็มที่แล้ว พร้อมแสดงความสุจริตในการทำโครงการนี้ แม้จะมีบางแนวคิดที่แตกต่างกันบ้างแต่คิดว่าต้องดูในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งรอให้ชัดเจนก่อนค่อยว่ากัน

 

ภูมิธรรมยังกล่าวถึงการที่มีภาคผู้บริหารเอกชนชั้นนำออกมาหนุนเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี ตนคิดว่าวันนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่าในหลายภาคส่วนและหลายมิติยังมีความเห็นที่เหมือนหรือแตกต่างกันอยู่ 

 

กระตุ้นเศรษฐกิจ วิกฤตหรือไม่อยู่ที่แต่ละบุคคล 

 

“วัตถุประสงค์ของเราไม่ใช่อยู่ๆ ไปแจกเงิน แต่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้าทุกคนรู้ว่ากำลังซื้อกำลังขาดแคลน ประเทศวิกฤตหรือไม่วิกฤต บางทีก็พูดได้ เพราะเป็นทัศนะบุคคล จะบอกว่าไม่วิกฤตก็ได้ ขึ้นอยู่กับจุดยืนของตัวเอง หรือสถานะทางวิชาชีพ สถานะทางการเงินอยู่ตรงไหน ถ้ายังมีเงินก็คงบอกไม่วิกฤต แต่ถ้าคนขายของไม่ได้ คนไม่มีกำลังซื้อ ไปถามพ่อค้าแม่ค้าตอนนี้ก็บอกว่าแย่” ภูมิธรรมกล่าว

 

ภูมิธรรมกล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าหากวันนี้ไม่เพิ่มกำลังซื้อ กลไกทางเศรษฐกิจก็ไม่มีผล ซึ่งถ้าจะให้พูดและเห็นพ้องต้องกันก็เหมือนฝืนธรรมชาติ จะอยู่ที่ความเห็นใครก็ไม่เป็นไร ที่สำคัญต้องขึ้นอยู่ที่วัตถุประสงค์เป็นหลัก ประเทศเราซบเซามาโดยตลอด ตนคิดว่าตัวเลขทางวิชาการก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ชีวิตจริงก็เป็นส่วนหนึ่ง ขออย่ามาเถียงหรือเอาชนะกัน เอาความเป็นจริงและสิ่งที่มันเกิดประโยชน์

 

“จริงๆ กู้หรือไม่กู้ไม่ใช่สาระสำคัญ การกู้เพื่อมาชดเชยเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนก็ทำได้ จริงๆ แล้วปีก่อนๆ ก็เห็นกู้มหาศาล ไม่เห็นใครมีปัญหาเลย เราจะกู้เรื่องนี้ให้ประชาชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกลับมีปัญหาอย่างนี้เป็นต้น เราควรใจกว้าง มองอะไรที่เป็นจริง สอดรับความเป็นจริงของสังคม เพราะเรายืนยันเจตนาบริสุทธิ์ และพยายามรับฟังทุกส่วน ถ้าไม่ฟังป่านนี้คงทำไปแล้ว ก็พยายามทำให้สังคมเห็นพ้องมากที่สุด แต่ไม่ได้หมายถึงทุกคนต้องเห็นพ้องเหมือนกัน” ภูมิธรรมกล่าว

 

ผู้สื่อข่าวยังถามว่า มีประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วย ต้องทำความเข้าใจอย่างไร ภูมิธรรมกล่าวว่า ยินดีรับฟังทุกส่วนอยู่แล้ว แต่เพียงไม่อยากให้มาเปิดความเห็นในที่สาธารณะที่เถียงไปเถียงมาแล้วหาข้อยุติไม่ได้ และไม่สามารถแก้ปัญหาได้

 

24 พฤศจิกายน ประชุมใหญ่​ประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ​ ย้ำเคาะก่อนปีใหม่

 

ภูมิธรรม​ ในฐานะประธานกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ​ กล่าวถึงความคืบหน้า​การแก้ไข​รัฐธรรมนูญ​ว่า​ ในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ก็จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่​ อยากให้รอความชัดเจนในวันนั้นว่าข้อสรุปจะเป็นอย่างไร​ เนื่องจากขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังทำการบ้านอยู่

 

เมื่อถามว่า แนวโน้มของเสียงข้างมากในการเดินสายรับฟังความคิดเห็นการทำประชามติ​เห็นด้วยมากกว่าหลักเกณฑ์​เดิมหรือไม่นั้น​ ภูมิธรรมย้ำว่า​ ขอให้รอวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้​ ส่วนจะเคาะว่าจะแก้ส่วนใดหรือทำประชามติกี่ครั้ง​ รวมไปถึงงบประมาณค่าใช้จ่ายจะจบในวันนั้นหรือไม่ ยังไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ยืนยันไปแล้วว่าภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้น่าจะจบกระบวนการทุกอย่าง​ และสามารถรวบรวมข้อสรุปเสนอให้ ครม. ได้พิจารณาภายในไตรมาสแรกของปี 2567 พร้อมย้ำว่าจะพยายามให้จบภายในเดือนมกราคม​

 

เตรียมเรียกทูตไทย-ทูตพาณิชย์ทั่วโลก รับนโยบาย 21 พ.ย. นี้ 

 

ภูมิธรรมกล่าวว่า ในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรียกประชุมเพื่อมอบนโยบายกับ 3 หน่วยงานหลัก คือ เอกอัครราชทูตของประเทศไทยทั่วโลก ทูตพาณิชย์ทั่วประเทศและทั่วโลก และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ให้มารับนโยบาย ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้เป็นทีมไทยแลนด์ที่ต้องทำงานประสานกัน 

 

โดยนายกรัฐมนตรีจะมอบนโยบายที่ชัดเจน แนวทางที่จะให้ทั้ง 3 ส่วนทำงานร่วมกัน และในวันที่ 23 พฤศจิกายน จะมีการทำเวิร์กช็อปร่วมกัน โดยมีสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาคุยกัน ซึ่งถือเป็นการสอดรับจากที่นายกรัฐมนตรีไปพูดคุยและพยายามจัดองคาพยพในการรองรับการเดินหน้าต่อไป ทั้งนี้ ในวันที่ 1 ธันวาคม กระทรวงพาณิชย์จะประชุมทูตพาณิชย์กับพาณิชย์จังหวัดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเตรียมการในรายละเอียดที่จะนำเสนอ 

 

ภูมิธรรมกล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้ประสานต่อกับมณฑลของจีน โดยรับไม้ต่อจากนายกรัฐมนตรีที่ได้เปิดนโยบายไว้แล้ว ตอนนี้ได้มา 5-7 มณฑลแล้ว และจะมีการพูดคุยต่อไปเพื่อให้ได้เพิ่มขึ้น ในระดับมณฑลถือเป็นตลาดที่ใหญ่ มีประชากร 100 กว่าล้านคน ซึ่งไปสอดคล้องกับนโยบายของจีนที่จะยกเลิกการเป็นแรงงานของโลกให้มาเป็นตลาดของโลก และถือว่าเป็นการร่วมมือกันด้วยดี

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising