วันนี้ (27 มีนาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ที่ฝ่ายค้านมองว่านายกรัฐมนตรียังไม่ได้ชี้แจงในหลายประเด็น ว่า หลังเสร็จอภิปรายมีการถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยนายกรัฐมนตรีได้เรียกทุกคนรวมถึงฝ่ายค้านมาถ่ายรูปร่วมกัน เพราะเห็นว่าพวกเราร่วมกันทำงานดึกดื่นมาหลายวัน
มีเพียง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ยิ้มรับเพราะคิดว่ามาถ่ายรูปด้วย แต่ผู้นำฝ่ายค้าน พูดประมาณว่าเรื่องต่างๆ ยังไม่จบ จึงคิดว่าผู้นำฝ่ายค้านควรมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ เพราะสามารถตามต่อได้ในภายหลังและเป็นเรื่องที่อยู่ในสายตาประชาชนอยู่แล้ว
แต่การขึ้นมาในลักษณะที่ผิดปกติที่ทำกันมา พูดจาเหมือนไม่พอใจที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบทั้งที่มีเวลาในการอภิปราย และเวลาที่ขอไว้ก็ยังใช้ไม่หมดแล้วจะมาหงุดหงิดอะไร ซึ่งตามหลักการสรุปปิดอภิปรายต้องพูดในข้อเท็จจริงว่าผิดตรงไหนและต้องชี้ให้เห็นว่าเหตุใดควรที่จะไม่ไว้วางใจ ไม่ใช่มาตั้งคำถาม
ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า การอภิปรายของฝ่ายค้านในครั้งนี้ไม่มีอะไรใหม่ ซึ่งตนคิดตั้งแต่แรกว่าทำงานมา 6 เดือน แต่ฝ่ายค้านกลับขอเวลาอภิปรายตั้งเยอะแยะ ทั้งที่จริงๆ แล้วยังไม่มีอะไร เป็นเพียงการหยิบเรื่องเก่ามาร้อยเรียงใหม่ หากจะพูดกันแค่นี้ก็เข้าไปในห้องสมุดหยิบ หนังสือพิมพ์มาเรียงแล้วเสนอได้เลย โดยมองว่าไม่มีสิ่งใหม่แต่ที่เพิ่มคือวาทกรรมและความขึงขังกิริยาที่มีความน่ากลัว ซึ่งตนเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าไม่ต้องทำกิริยาที่เอาเป็นเอาตายแต่ควร บอกให้ชัดว่าประเด็นอยู่ตรงไหน พร้อมยอมรับว่าหลายๆ เรื่องเป็นเรื่องใหม่สำหรับตน เช่น เรื่อง IO แต่ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่มีนโยบาย และตนในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีที่กำกับดูแลเรื่องนี้ก็ไม่มีนโยบายเช่นกันแต่ก็พร้อมรับข้อมูลไปตรวจสอบ
นอกจากนี้ ภูมิธรรมยังกล่าวอีกว่า เวลาของรัฐบาลหมดแล้วแต่ฝ่ายค้านก็ยังตั้งคำถาม แม้จะเป็นดุลพินิจของประธานสภา หากอนุญาตให้ตอบได้แต่ในความรู้สึกเราผิดธรรมเนียมที่เคยทำมาจึงไม่อยากจะทำผิด ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ระมัดระวังอยู่แล้วอะไรที่ผิดเราก็ไม่อยากทำ เพราะพรรคเราก็เผชิญอะไรมาเยอะแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกว่าไม่ค่อยยุติธรรมในการที่หยิบประเด็นมา ขึงขังตีความตั้งแต่แรกว่าเป็นดีลแลกประเทศ แต่สุดท้ายก็ยังไม่เห็นว่าอะไรเป็นดีลแลกประเทศ ส่วนเรื่อง IO จากที่ตนรับฟังก็โดนกันทุกคนรวมถึง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนรับ จะไปดูแลอยู่แล้วแต่ต้องมีวุฒิภาวะมากกว่านี้
เมื่อถามย้ำว่า คิดว่ารัฐบาลตอบฝ่ายค้านครบทุกประเด็นแล้วใช่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ตนคิดว่านายกรัฐมนตรีก็ตอบคำถามที่ถามถึงตัวเอง และอยู่ในข้อเท็จจริง แต่ในเรื่องที่ กัณวีร์ สืบแสง สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ตนรู้สึกว่าหลายเรื่องไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ตนจึงมองว่าการอภิปรายครั้งนี้ มีทั้งการร้อยเรียงเรื่องแล้วใช้กิริยาท่าทางที่เข้มแข็งขึงขังเหมือนกำลังจะออกรบ เอาข้อเท็จจริงและที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงบ้างมาพูดขึงขัง ในแง่ของพวกเราอะไรที่ไม่มั่นใจเราก็พร้อมรับฟังว่าจริงหรือไม่จริง แต่อะไรที่ไม่จริงก็ตอบไปตามนั้น
ภูมิธรรมกล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้หากไปถามประชาชน ก็คิดว่าประชาชนคงบอกว่ายังขาดอะไรใหม่ๆ หากมีเรื่องของคอร์รัปชันมีตัวเลขและหลักฐานชัดเจนรัฐบาลตายอยู่แล้ว ตนไม่อยากเห็นการฟังเสียงนู้นเสียงนี้แล้วมาคาดการณ์ เพราะเมื่อฟังฝ่ายค้านแล้วเราก็ต้องมาค้นหาว่าที่พูดมามีข้อเท็จจริงหรือไม่ ฝ่ายค้านฟังอะไรมาและก็เหมาเอามาพูด
จึงมองว่าฝ่ายค้านต้องปรับวุฒิภาวะมากกว่านี้และอภิปรายในสภาก็ไม่ควรทำขึงขังเหมือนจะฆ่ากันตาย แต่ควรทำให้ประชาชนรู้ว่าไปทำหน้าที่มาแล้วพบหลักฐานก็เท่านั้นเอง หากรัฐบาลไม่จัดการในสายตาประชาชนก็อยู่ไม่ได้จึงอยากให้เปลี่ยนจากวาทกรรมและท่าทีที่ขึงขังเหมือนการแสดงละคร เอาข้อเท็จจริงและคำแนะนำมาพูดคุยกันดีกว่า