×

เพื่อไทยฉีก MOU เดินหน้าตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ เสนอ ‘เศรษฐา’ เป็นนายกฯ เตรียมแถลงพรุ่งนี้ชัดเจนมีสองลุงร่วมหรือไม่

โดย THE STANDARD TEAM
02.08.2023
  • LOADING...
ชลน่าน ศรีแก้ว

วันนี้ (2 สิงหาคม) ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และ ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ร่วมแถลงผลการหารือร่วมกับพรรคก้าวไกล 

 

โดย นพ.ชลน่านอ่านแถลงการณ์ระบุว่า เริ่มต้นใหม่ร่วมผ่าทางตันหาทางออกให้ประเทศ เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยได้จับมือร่วมกับพรรคการเมืองอีก 6 พรรค รวมเสียงได้ 312 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ และเสนอ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ 

 

ทั้ง 8 พรรคมีข้อสรุปภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีความเห็นอย่างชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย ยึดมั่นในการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ และไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 

 

วันที่ 13 กรกฎาคม แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกลไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาได้ โดยมีเพียง 324 เสียง จากที่ต้องการถึง 376 เสียง ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้สนับสนุนพรรคก้าวไกลอย่างเต็มความสามารถ ทั้งการอภิปรายและยกมือสนับสนุน 141 เสียง 

 

แต่เนื่องจากปรากฏเงื่อนไขของพรรคการเมืองอื่นๆ และสมาชิกวุฒิสภา ไม่ยอมรับนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล โดยพรรคก้าวไกลรับทราบท่าทีเหล่านี้ แต่ยืนยันไม่ปรับเปลี่ยนนโยบาย จึงเป็นการแน่ชัดว่าแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกลจะไม่สามารถผ่านการลงมติเห็นชอบจากรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่งได้

 

ดังนั้นที่ประชุม 8 พรรคร่วมจึงมีมติส่งมอบภารกิจแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลให้พรรคเพื่อไทย โดยเห็นชอบแนวทางให้พรรคเพื่อไทยหาเสียงสนับสนุนทั้งจากพรรคการเมืองนอกกลุ่มพรรคร่วมเดิมและสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ 

 

เมื่อได้รับมอบหมายภารกิจ พรรคเพื่อไทยจึงเดินหน้าเพื่อหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมทั้งจาก ส.ว. และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) โดยการเชิญหลายพรรคการเมืองเข้าหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทั้งเป็นกลุ่มและรายบุคคล พบว่านโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยังคงเป็นเงื่อนไขหลัก ขณะที่บางพรรคและบางคนแสดงเจตนาอย่างชัดแจ้งที่จะไม่สนับสนุนการร่วมรัฐบาลของพรรคก้าวไกลในทุกกรณี

 

นพ.ชลน่านระบุต่อว่า “ในสถานการณ์เช่นนี้ พรรคเพื่อไทยได้ปรึกษาหารือกับพรรคก้าวไกลขอถอนตัวจากการร่วมมือกัน และเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ เสนอชื่อ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคดำรงตำแหน่งนายกฯ ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยและเศรษฐาขอยืนยันชัดเจนว่า เราจะไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วม พรรคเพื่อไทยจะใช้ความพยายามรวบรวมเสียงให้เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเหมาะสม และพรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน และยืนยันจะทำงานการเมืองในมิติใหม่ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชน”

 

นพ.ชลน่านยังกล่าวอีกว่า มีภารกิจที่สำคัญ ดังนี้ 

 

  1. เราจะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันอันเป็นต้นเหตุของความยากลำบากในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ และก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ ของประเทศ โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ โดยเริ่มจากมติ ครม. ในการประชุมครั้งแรกให้มีการทำประชามติ และจัดตั้ง สสร. ให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จรัฐบาลจะคืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกตั้งใหม่ภายใต้กรอบกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

 

  1. พรรคเพื่อไทยพร้อมผลักดันนโยบายที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมมีความคิดเห็นสอดคล้องกัน ให้ได้นโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ขอยืนยันว่านี่คือแนวทางที่จะรักษาสถาบันสำคัญของชาติให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งประเทศ และช่วยผลักดันความต้องการของประชาชนภายใต้ข้อจำกัดและเส้นทางที่ยากลำบากนี้ให้คืนสู่ความปกติ และใช้ประสบการณ์ ความสามารถของบุคลากรของพรรคเพื่อไทยเร่งแก้วิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนโดยเร็ว 

 

นพ.ชลน่านกล่าวเพิ่มเติมว่า บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วยดี พรรคก้าวไกลต้องการความชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคก้าวไกลเข้าใจเหตุผลของเรา แต่ขอสรุปให้ชัดว่าไม่ใช่การบอกเลิกกัน แต่เป็นความจำเป็น ซึ่งได้คุยกับพรรคก้าวไกลแล้ว โดยขอให้เป็นเอกสิทธิ์ ส.ส. ที่จะลงคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทย โดยเราไม่ได้ร้องขอ จะโหวตหรือไม่โหวตให้เราก็ได้ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลใหม่จะขอแจ้งให้ทราบในช่วงบ่ายวันที่ 3 สิงหาคม 

 

ส่วน ส.ว. จะโหวตให้เพื่อไทยหรือไม่นั้น จากการแถลงวันนี้และแนวทางที่ชัดเจนที่เราแสดงเจตนารมณ์ข้อกังวลของ ส.ส. และ ส.ว. ซึ่งลดเงื่อนไขทั้งหมด น่าจะเป็นเหตุผลเพียงพอที่ ส.ว. จะโหวตให้ความเห็นชอบ และคาดว่าจะได้เสียงสนับสนุนครบ จากนั้นเราจะตั้งรัฐบาล ถ้าจะให้รัฐบาลเข้มแข็งควรมีเสียงเกิน 300 เสียงขึ้นไป แต่ด้วยข้อจำกัดขณะนี้ เราจะหาเสียงสนับสนุนให้ได้มากที่สุด เชื่อว่าการโหวตนายกฯ วันที่ 4 สิงหาคมจะจบด้วยการได้นายกฯ ในวันดังกล่าว 

 

นพ.ชลน่านยังกล่าวถึงกรณีที่ ส.ว. ต้องการให้เศรษฐาแสดงวิสัยทัศน์ว่า ข้อบังคับการเลือกนายกฯ ไม่ได้ระบุว่าจะต้องแสดงวิสัยทัศน์ และด้วยความที่เศรษฐาไม่เป็น ส.ส. และถ้าเข้าสภาไปอาจจะมีประเด็นที่คาดไม่ถึง จึงขอไม่เข้าไปในที่ประชุม แต่หากมีอะไรที่พาดพิง ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยพร้อมลุกขึ้นชี้แจงแทน 

 

เมื่อถามว่า จะไม่มีพรรคสองลุงเข้าร่วมรัฐบาลใหม่ใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขอให้รอความชัดเจนในวันที่ 4 สิงหาคม และมั่นใจว่าเราจะตอบคำถามสังคมในทุกข้อสงสัย

 

ด้านภูมิธรรมกล่าวถึงกรณีแกนนำพรรคก้าวไกลวิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทยว่าประวิงเวลา ไม่เรียกประชุมพรรคร่วมว่า ไม่ใช่การประวิงเวลา แต่ที่ช้าเพราะเราถูกร้องขอจากแกนนำพรรคก้าวไกลให้รอถึงเวลา 23.00 น. ของคืนวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเรารอถึงเที่ยงคืนของวันที่ 1 สิงหาคม แต่พรรคก้าวไกลก็ไม่มีการติดต่อกลับมา เราจึงดำเนินการตามแนวทางของเรา โดยได้โทรศัพท์ชี้แจงพรรคร่วมที่เหลือแล้วว่าเราต้องตั้งรัฐบาลเพื่อคลี่คลายวิกฤตที่เกิดขึ้น

 

“การตกลงกันครั้งนี้ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลไม่ใช่การเกี้ยเซียะทางการเมือง แต่เป็นการต่างคนต่างทำหน้าที่โดยไม่มีก้าวไกลร่วมตั้งรัฐบาลด้วย ส่วนนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชน เราพร้อมร่วมผลักดันไม่ว่าจะเป็นของฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยคือการแก้ไขมาตรา 112 โดยเราจะทำหน้าที่ใช้ประสบการณ์ของเราแก้วิกฤตเศรษฐกิจการเมืองให้เข้าสู่ระบบปกติทั้งหมด” ภูมิธรรมกล่าว

 

ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า การประสานงานหลังจากนี้ ทุกพรรคการเมืองไม่มีเงื่อนไขใดๆ ในการเข้าร่วม โดยเป้าหมายของพรรคเพื่อไทยคือต้องได้ตัวนายกฯ ก่อน ส่วนเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลใหม่นั้นต้องเป็นจำนวนที่เพียงพอต่อการบริหารประเทศ

 

ด้านประเสริฐกล่าวถึงกรณีอีก 6 พรรคร่วมจะตัดสินใจร่วมรัฐบาลใหม่กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ว่า ขอให้เป็นดุลยพินิจของแต่ละพรรค หากเห็นด้วยกับแนวทางของพรรคเพื่อไทยเราก็ยินดี บางพรรคร่วมตอบรับ

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising