วันนี้ (21 มกราคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยความคืบหน้าการฉีดวัคซีนวัคซีน Pfizer สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ซึ่งคาดว่าวัคซีนล็อตแรกจะเข้ามาถึงประเทศไทยวันที่ 26 มกราคมนี้ จำนวน 3 ล้านโดส จาก 10 ล้านโดสที่สั่งจองไว้เบื้องต้น
เมื่อล็อตแรกมาถึง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะตรวจรับรองคุณภาพและรุ่นการผลิต ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน เมื่อผ่านขั้นตอนนี้แล้วจะกระจายวัคซีนไปที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) ก่อนเป็นแห่งแรก เพื่อเดินหน้าฉีดให้กับเด็กที่มีโรคประจำตัวหรือเป็นกลุ่มโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคที่กุมารแพทย์พิจารณา ซึ่งถือเป็นเด็กกลุ่มเสี่ยง ก่อนจะกระจายไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งได้ประสานกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับเด็ก พร้อมขอความร่วมมือผู้ปกครองให้พาบุตรหลานมาฉีดวัคซีนเพื่อความปลอดภัย
ส่วนล็อตต่อไปจะฉีดในกลุ่มนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทุกจังหวัด ส่วนปริมาณที่จะแจกจ่ายให้แต่ละพื้นที่จะขึ้นอยู่กับสัดส่วนนักเรียน ขึ้นอยู่กับวัคซีนสำรองเผื่อกรณีเกิดการระบาดในพื้นที่ และฉีดในสถานพยาบาล หรือเด็ก Homeschool
สำหรับแนวทางการฉีดวัคซีนให้เด็กกลุ่มอายุ 5-11 ปี ตามรายงานของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือ ศบค. เมื่อวานนี้ (20 มกราคม) จะเป็นการฉีดวัคซีน Pfizer ชนิดฝาสีส้ม (สำหรับเด็ก) มีรายละเอียดดังนี้
- ระยะห่างระหว่างเข็มที่ 1 และ 2 จะอยู่ราว 8 สัปดาห์
- สูตรสำหรับฉีดผู้ใหญ่และเด็กจะมีความแตกต่างกัน ในแต่ละสถานพยาบาลควรแจ้งจุดฉีดหรือต้องฉีดสำหรับ ‘ฝาม่วง’ และ ‘ฝาส้ม’ ให้ชัดเจน เนื่องจากปริมาณของวัคซีนที่เด็กอายุ 5-11 ปีจะได้รับคือสัดส่วน 10 ไมโครกรัม หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของโดส