วานนี้ (6 กรกฎาคม) เว็บไซต์ข่าวด้านวิทยาศาสตร์ ScienceDaily ของสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานผลการวิจัยล่าสุด จากทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยยูทาห์ พบว่า ประชาชนที่รับการฉีดวัคซีนชนิด mRNA ครบ 2 โดสแล้วอย่างน้อย 2 สัปดาห์ มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิดน้อยกว่าคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนถึง 91%
โดยงานวิจัยดังกล่าว ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อวัดความเสี่ยงและอัตราการติดเชื้อในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่แนวหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีน mRNA แล้ว ครอบคลุมการสำรวจข้อมูลใน 8 สถานที่ของสหรัฐฯ รวมถึงเมืองซอลต์เลกซิตี้, ไมอามี, พอร์ตแลนด์ และเมืองเทมเพิล และมีผู้เข้าร่วมวิจัย 3,975 คน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในงานวิจัยวัคซีน mRNA ฉบับแรกๆ ที่ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของวัคซีน mRNA ได้อย่างชัดเจน
“เราให้วัคซีนเหล่านี้แก่กลุ่มเสี่ยงสูงสุดในประเทศนี้ ทั้งแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฉุกเฉิน คนเหล่านี้คือคนที่สัมผัสกับไวรัสแทบทุกวัน และวัคซีนป้องกันพวกเขาจากการติดเชื้อ ส่วนคนที่โชคไม่ดีที่ยังได้รับเชื้อแม้ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังคงดีกว่าคนที่ไม่ได้ฉีด” ซารางยูน ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยยูทาห์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เขียนงานวิจัยฉบับนี้กล่าว
ในระหว่างการวิจัยจะมีการตรวจสอบอาการและเก็บตัวอย่างตรวจเชื้อโควิดจากผู้เข้าร่วมเป็นประจำทุกสัปดาห์ ต่อเนื่องตลอด 17 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคมปีที่แล้ว จนถึง 10 เมษายนที่ผ่านมา โดยพบว่ามีผู้เข้าร่วมวิจัยเพียง 204 คนที่มีผลตรวจเชื้อเป็นบวก ในจำนวนนี้ 156 คนไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และ 32 คนมีสถานะการฉีดวัคซีนที่ไม่แน่นอน ขณะที่ 16 คนฉีดวัคซีนแล้ว 1-2 โดส
ผลวิจัยยังพบว่า ผู้ฉีดวัคซีน mRNA โดสแรกเกิน 2 สัปดาห์ จะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ประมาณ 81% และในกรณีหายากของประชาชนบางคน ที่ยังคงติดเชื้อแม้จะได้รับการฉีดวัคซีน mRNA แล้ว พบว่าวัคซีน สามารถช่วยลดอาการป่วยรุนแรงและลดระยะเวลาเกิดโรคให้สั้นลงได้ อีกทั้งยังมีแนวโน้มลดการแพร่เชื้อไวรัสไปยังผู้อื่นด้วย
ซึ่งนอกจากนี้ทีมวิจัยยังพบว่าผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีน mRNA แล้วทั้ง 1 โดส และ 2 โดส จะตรวจเจอเชื้อไวรัสได้น้อยกว่าถึง 40% เมื่อเทียบกับผู้ติดเชื้อที่ยังไม่ฉีดวัคซีน
ภาพ: Photo by Sven Hoppe / picture alliance via Getty Images
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
อ้างอิง: