วัฒนธรรมการให้ ‘ทิป’ ในอเมริกามีมานาน แต่ล่าสุด ผลสำรวจพบว่า คนรุ่นใหม่เริ่มไม่อยากให้ทิป หรือเลือกให้น้อยลง สวนทางกับคนรุ่นเก่าที่ยังให้อยู่ นักวิเคราะห์ชี้ให้ร้านอาหารนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยกระตุ้นการให้ทิปได้ง่ายขึ้น
ต้องยอมรับว่าการให้ ‘ทิป’ หรือเงินพิเศษที่ให้แก่พนักงาน นอกเหนือจากค่าสินค้าและบริการนั้น ผู้บริโภคมีสิทธิเลือกว่าจะจ่ายหรือไม่จ่ายก็ได้ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของการบริการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ปฏิวัติการสอน! โรงเรียนในสหรัฐฯ พลิกสถานการณ์ ‘ขาดแคลนครู’ ด้วยการกำหนดให้เรียนเพียง 4 วันต่อสัปดาห์
แต่ไม่ใช่กับอเมริกาที่ผู้บริโภคต้องให้ทิปกับพนักงาน แล้วทำไมถึงโดนบังคับให้จ่ายทิป เพราะค่าอาหารแต่ละมื้อที่ปรากฏในใบเสร็จรับเงินของร้านอาหารที่อเมริการะบุถึงค่าทิปที่สมควรจ่าย ซึ่งอย่างน้อยต้องจ่ายขั้นต่ำอยู่ที่ 15%
แต่บริบทดังกล่าวอาจเริ่มเปลี่ยนไปเพราะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จากผลสำรวจของ Bankrate ที่ได้สอบถามความเห็นของคนประมาณ 2,400 ราย แสดงให้เห็นว่าผู้คนเริ่มแสดงออกถึงการไม่อยากให้ทิปมากขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้ชาย
ขณะที่คนรุ่นเก่าและผู้หญิงอีกประมาณ 12-18% ให้ทิปบ่อยกว่า โดยหลายคนสะท้อนให้เห็นว่าร้านค้า ร้านอาหาร ไปจนถึงร้านตัดผมนั้นมีการบริการที่ค่อนข้างทำให้ผิดหวัง
แต่อีกด้านหนึ่งหลายคนกลับเลือกให้ทิปพนักงานส่งอาหาร คนขับแท็กซี่ แม่บ้านโรงแรม บาริสต้ามากกว่า ซึ่งสาเหตุหลักที่เลือกให้พนักงานส่งอาหารเพราะสามารถให้ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ถือว่ามีกระบวนการที่สะดวกและทำได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม Ted Rossman นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมอาวุโสของ Bankrate กล่าวว่า สังคมไร้เงินสดก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรหลักที่ทำให้คนให้ทิปน้อยลง ดังนั้นร้านค้า ร้านอาหาร หรือผู้ใช้บริการอื่นๆ อาจต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมในช่องทางออนไลน์ ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้บริโภคให้ทิปได้ง่ายขึ้น
อ้างอิง: