×

ตระกูลพีระเดชาพันธ์ เทขายหุ้น ‘เถ้าแก่น้อย’ เก็บเงินเข้ากระเป๋ากว่า 138 ล้านบาท

26.01.2021
  • LOADING...
ตระกูลพีระเดชาพันธ์ เทขายหุ้น ‘เถ้าแก่น้อย’ เก็บเงินเข้ากระเป๋ากว่า 138 ล้านบาท

ครอบครัวพีระเดชาพันธ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บมจ. เก้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) ได้รายงานการขายหุ้น TKN ระหว่างวันที่ 20-22 มกราคม 2564 ออกมารวม 11.75 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 138.31 ล้านบาท 

 

รายการขายหุ้นดังกล่าวแบ่งออกเป็น อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ขายออกมา 2 รายการ รวมจำนวนหุ้น 5.7 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 67.32 ล้านบาท โดยอิทธิพัทธ์ได้ขายหุ้นออกมาเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 จำนวน 4.5 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 12 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 54 ล้านบาท และในวันที่ 22 มกราคม 2564 ขายออกมาอีก 1.2 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 11.10 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 13.32 ล้านบาท 

 

ณัชชัชพงศ์ พีระเดชาพันธ์ ขายหุ้นออกมาทั้งหมด 3 รายการ คิดเป็นจำนวนหุ้นรวม 3.55 ล้านหุ้น และคิดเป็นมูลค่ารวม 41.14 ล้านบาท แบ่งเป็น วันที่ 20 มกราคม 2564 ขายออกมา 1.65 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 11.95 บาท คิดเป็นมูลค่า 19.77 ล้านบาท วันที่ 21 มกราคม 2564 ขายออกมา 5 แสนหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 11.49 บาท คิดเป็นมูลค่า 5.74 ล้านบาท และวันที่ 22 มกราคม 2564 ขายออกมา 1.39 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 11.17 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ารวม 15.63 ล้านบาท

 

ด้าน อรพันธ์ พีระเดชาพันธ์ ขายหุ้นออกมา 1 รายการ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 จำนวน 2.5 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 11.94 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 29.85 ล้านบาท 

 

สำหรับหุ้น TKN เพิ่งถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยขึ้นบัญชีหุ้นที่ต้องซื้อขายด้วยเงินสด (Cash Balance) ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม-5 มีนาคม 2564 เนื่องจากพบการซื้อขายสูงผิดปกติในช่วงที่ผ่านมา 

 

ส่วนการเคลื่อนไหวของหุ้น TKN ตั้งแต่เปิดปี 2564 เป็นต้นมาพบว่า ราคาหุ้นปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยมาทำจุดสูงสุดในรอบปีนี้เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 ที่ระดับ 12.20 บาท เทียบกับราคาปิดสิ้นปี 2563 อยู่ที่ระดับ 10.40 บาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นราว 17.3% ก่อนจะมีแรงขายออกมาอย่างหนักในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาหุ้นเมื่อวานนี้ (25 มกราคม) ปิดตลาดที่ระดับ 11.00 บาท 

 

ด้านแนวโน้มผลดำเนินงานของ TKN ทางโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ยังมีมุมมองเชิงบวก โดย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส ประเมินว่า แม้กำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 2563 ยังอ่อนลง แต่คาดว่าปี 2563 ที่อยู่ในเกณฑ์ย่ำแย่ได้ผ่านไปแล้ว 

 

นอกจากนี้ทางบริษัทได้ให้แนวทางในปี 2564 ไว้ในเชิงที่เป็นบวกมากขึ้น โดยรายการยอดขาย ซึ่งมีการออกสินค้าใหม่ รวมถึงการปรับประสิทธิภาพการทำกำไรที่สูงขึ้น จะเป็นแรงผลักดันให้กำไรกลับมาฟื้นตัวได้ดี

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising