×

รัฐธรรมนูญยาพิษต้องแก้ หลังวางกลไกแก้ยาก จิรายุ ชี้นายกฯ มาจาก ส.ว. ต้องปิดสวิตช์ ส.ว. ไปพร้อมกัน

โดย THE STANDARD TEAM
24.06.2021
  • LOADING...
จิรายุ ห่วงทรัพย์

วันนี้ (24 มิถุนายน) จิรายุ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ว่าที่ผ่านมาเราได้ลองผิดลองถูกในการใช้รัฐธรรมนูญฉบับ ปี 2560 มาแล้ว 4 ปีที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นรัฐธรรมนูญแก้มาเพื่อคนนั้น แก้มาเพื่อคนนี้ และกอดรัดรัฐธรรมนูญที่มาจาก คสช. เชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ

 

พรรคเพื่อไทยได้ขอเสนอแก้ไขในหลายมาตราโดยเฉพาะมาตราที่เกี่ยวกับที่มาของนายกรัฐมนตรี มาตรา 272 ที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่หอประชุมทีโอที ที่ผ่านมาขณะนั้นตนอุตส่าห์กล่าวว่า หาก ส.ว. ท่านใดไม่โหวตเลือก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตนจะขอกราบเท้า ซึ่งตนก็ไม่ได้กราบเท้า โดยที่มาของนายกรัฐมนตรีถ้าจะสง่างาม ท่านก็ต้องเป็น ส.ส. ซึ่งไม่ยากเลย ท่านก็แค่ไปอยู่ในระบบสองพรรคการเมืองท่านก็จะได้เป็น ส.ส.

 

สำหรับประเด็นด้วยการแบ่งเขตเลือกตั้งที่หลายคนอยากจะฝันดี และอยากจะฝันร้าย มันบังคับฝันกันไม่ได้ แต่สิ่งที่บังคับได้ในขณะนี้ก็คือ ท่านสามารถใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาในการตัดสินใจได้ ตั้งแต่ที่มีการปฏิวัติรัฐประหารมา เราใช้รัฐธรรมนูญมาไม่รู้กี่ฉบับ ซึ่งจะไม่มีปัญหาเลย ถ้าท่านนายกรัฐมนตรีมาจากทำนองคลองธรรม แต่ทฤษฎีเชิงประจักษ์ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 นั้นเกิดปัญหาและถูกวางกลไกที่ทำให้ยากต่อการแก้ไข โดยรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดนั้นจะต้องเปิดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนได้เสียและมีส่วนร่วมมากขึ้น

 

จิรายุกล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เริ่มเป็นรัฐธรรมนูญยาพิษมาตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 การเลือกตั้งในครั้งนั้น พรรคเพื่อไทยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นลำดับที่หนึ่ง แต่กลับทำอะไรไม่ได้ โดยพรรคพลังประชารัฐเข้ามารวบรวมเสียงและประกาศว่าเป็นพรรคที่มีคะแนนมากที่สุด และตั้งตนเองเป็นรัฐบาล และมีสมาชิกเข้ามามีส่วนช่วยในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

 

“กว่าจะมาถึงวันที่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ถูกสภาคว่ำมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง โดยเราจะไปปิดกั้นเสรีภาพของพี่น้องประชาชนด้วยบัตรเลือกตั้งแบบใบเดียวไม่ได้ และบัตรเลือกตั้งที่ผ่านมาต้องประสบกับปัญหาทั้งบัตรเขย่ง ส.ส. ปัดเศษ โดยส่วนตัวไม่ได้ว่าพรรคเล็ก เนื่องจากท่านก็มาจากรัฐธรรมนูญ แต่รัฐธรรมนูญนั้นชอบด้วยกฎหมายสากลโลกหรือไม่ หลายพรรคการเมืองออกมาให้ความเห็นว่าแก้อย่างไรนั้นก็จะได้ประโยชน์ แก้อย่างนี้จะได้ประโยชน์ก็สุดแท้แล้วแต่ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนั้นเป็นอย่างไร” จิรายุ กล่าว 

 

จิรายุกล่าวต่อไปว่า เมื่อย้อนความกลับไปที่การเลือกตั้งปี 2540 สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ได้จัดตั้งขึ้นมาจากภาคประชาชนทั้งหมด หลังจากนั้นปี 2544 ก็มีการเลือกตั้ง ส.ส. โดยในครั้งนั้น ดร.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้อยู่ในระบบการแก้รัฐธรรมนูญเลย ท่านก็ได้มาลงการเมืองเมื่อปี 2544 พรรคไทยรักไทยก็ได้คะแนน ซึ่งเป็นสิทธิ์ของประชาชนในการเลือก 4 ปี ถ้าเขาไม่ชอบเขาก็เปลี่ยน ถ้าไม่ชอบก็ออกมาเป่านกหวีดเรียกรถถังออกมา จากนั้นปี 2548 พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ก็ได้ทำรัฐประหารอีกครั้ง และเมื่อนำสู่การเลือกตั้งนั้นก็ยังกลับมาใช้บัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบ ไม่ได้มีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่เพื่อใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวในปัจจุบัน ต่อมาในสมัยของ สมัคร สุนทรเวช ก็ได้เดินหน้าตามนโยบายไปแต่สุดท้ายก็ต้องมาจบด้วยเกมการจัดตั้งพรรคการเมืองในค่ายทหาร 

 

ต่อมารัฐบาลของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ไม่ได้มีการแก้ไขกฎกติกาใด ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งเป็นเพียงแก้ไขรายละเอียดนิดหน่อย

 

จิรายุกล่าวอีกว่า ใครมีอำนาจก็ย่อมจะเป็นคนเขียน พวกเราไม่สามารถจะปฏิเสธได้ พวกเราเป็นนักสู้ที่พร้อมที่จะขึ้นเวที เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วทางท่านจะมากกว่าพวกผม ผมก็พร้อมที่จะชก แม้ชั่งน้ำหนักแล้ว ท่านเอาผ้ามาปิดตาผมให้ชก ผมก็พร้อมที่จะชก แม้ขึ้นเวทีแล้วเอาเชือกมามัดมือผมให้มีแค่สองเท้า แต่ท่านมีอุปกรณ์ครบพวกผมก็พร้อมชก ซึ่งเมื่อมองแล้ววิธีคิดของท่านคือจะทำอย่างไรเพื่อสกัดกั้นพรรคเพื่อไทยออกไปให้ได้ จนสุดท้ายก็ได้วลีดังออกมาว่า ‘เขาอยากอยู่ยาว’

 

“ดังนั้นฉบับปี 2560 ได้ถูกนำมาใช้แล้ววันนี้ เราก็ต้องรู้กันแล้วว่าเป็นฉบับดีหรือไม่ดีตรงไหน จึงฝากไปยังพี่น้องประชาชน เพื่อทราบว่าถ้าประเทศไทยเรามีบัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบ ประชาชนก็จะได้ผลประโยชน์สถานเดียว” จิรายุกล่าวในที่สุด

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising