×

พาราลิมปิกเกมส์ 2024 เพราะเราทุกคนล้วนมี ‘หัวใจยอดมนุษย์’ ในตัวเอง

09.09.2024
  • LOADING...

นี่มัน ‘ยอดมนุษย์’ ชัดๆ

 

ยอดมนุษย์ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเหล่ายอดมนุษย์รูปร่างสูงใหญ่ 60 เมตรที่มาเพื่อช่วยโลกในการต่อต้านการรุกรานของเหล่าสัตว์ประหลาดต่างดาวมากหน้าหลายตา (บางตัวหลายแขนหลายขา) ที่พร้อมปิดท้ายเรื่องราวด้วยท่าไม้ตายปล่อยพลังคลื่นแสงสเปกตรัมใส่แต่อย่างใดครับ

 

แล้วก็ไม่ใช่ยอดมนุษย์ที่เกิดมาพร้อมกับพลังวิเศษ เรียกฟ้า เรียกฝน หรือล่องหนได้

 

แต่พวกเขาคือเหล่า ‘พาราลิมเปียน’ ยอดมนุษย์นักกีฬาผู้พิสูจน์ให้เราได้เห็นว่า ระหว่างการพูดคำว่าเป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นคำว่าเป็นไปได้นั้นต่างกันเพียงแค่คำเดียว

 

ขอแค่หัวใจไม่เคยพูดคำว่า ‘ไม่’

 

สำหรับพวกเขา ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ

 

 

เหมือนภาพของ ชีตาล เทวี นักธนูทีมชาติอินเดียผู้ไร้แขน หนึ่งในนักกีฬาที่เป็นภาพจำของการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2024 ที่เพิ่งจบลงไป

 

เรื่องราวของเทวี นักธนูสาววัย 17 ปี เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่น่าประทับใจที่สุดของการแข่งขันพาราลิมปิกครั้งนี้

 

เด็กสาวที่เกิดมาพร้อมกับอาการ Phocomelia ที่ทำให้ร่างกายของเธอมีความผิดปกติ ไม่มีแขนงอกยาว ซึ่งแน่นอนว่าลำพังการใช้ชีวิตประจำวันก็ไม่สะดวกนัก แต่เทวีกลับพิสูจน์ความเหนือมนุษย์ของเธอให้เห็นด้วยการลงแข่งขันยิงธนูพาราลิมปิก โดยเป็นนักกีฬาหญิงคนแรกและคนเดียวที่ลงแข่งในระดับนานาชาติโดยไม่มีแขน

 

วิธีการยิงธนูของเธอคือ การใช้เท้าขวายกจับคันธนูยกขึ้นมา ก่อนที่จะใช้ปากเกี่ยวอุปกรณ์ช่วยเกี่ยวสายธนูที่รัดไว้กับบ่า แล้วตั้งท่ายิงโดยใช้ขาเหยียดคันธนูออกห่างตัว เป็นการเหนี่ยวก่อนจะปล่อยลูกธนูออกไป

 

แค่อธิบายท่าก็ยากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องของการเล็งให้เข้าเป้า ย่อมยากกว่ามากมายหลายร้อยเท่านัก

 

แต่เทวีทำได้อย่างน่าอัศจรรย์ เธออาจจะพลาดเหรียญทอง แต่การได้เหรียญทองแดงสำหรับสาวน้อยวัย 17 ปีคนนี้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนทั่วโลกอย่างมาก

 

และไม่ใช่แค่เธอ ในพาราลิมปิกเกมส์ครั้งนี้เราได้เห็นยอดมนุษย์นักกีฬาเหล่านี้มากมายเต็มไปหมด

 

นักกระโดดไกลที่ดวงตามองไม่เห็นและต้องจับจังหวะจากการส่งสัญญาณของโค้ช เพื่อให้วิ่งให้ตรง วิ่งให้เร็ว และกระโดดให้พอดีกับจุด

 

นักกระโดดสูงผู้มีขาข้างเดียว และต้องปล่อยไม้เท้าทิ้งไว้ก่อนวิ่งกระโดดข้ามราวด้วยขาอันทรงพลังข้างเดียวนั้น

 

เกมฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศที่ไม่มีผู้เล่นคนไหนมองเห็นลูก ต้องตัดสินกันถึงฎีกาต่อหน้าหอไอเฟล 

 

และแน่นอนการดวลดาบของเหล่าอัศวินบนม้าเหล็ก ผู้เคลื่อนไหวร่างกายได้เพียงแค่ท่อนบน ที่คนไทยทุกคนได้ร่วมลุ้นไปกับ สายสุนีย์ จ๊ะนะ นักฟันดาบสาวผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์พาราลิมปิก

 

ภาพของนักกีฬายอดมนุษย์เหล่านี้ไม่เพียงแค่จะติดตา แต่ยังตรึงใจในความรู้สึกของคนที่ได้พบเห็นอีกมากมายครับ

 

มันทำให้เราอยากรู้จักและค้นหาว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้พวกเขามานะบากบั่นได้มากขนาดนี้

 

 

ผมเองก็ไม่ต่างจากหลายคน ที่ยิ่งค้นก็ยิ่งพบว่า สิ่งที่ดีที่สุดที่นักกีฬาเหล่านี้พยายามบอกเล่าผ่านเรื่องราวของพวกเขาให้กับทุกคนได้รู้ไม่ใช่เรื่องของชัยชนะ

 

แต่เป็นเรื่องการกำเนิดความเป็นยอดมนุษย์ที่แต่ละคนก็มีที่มาและที่ไปแตกต่างกันออกไป

 

เหมือนอย่าง แวว-สายสุนีย์ จ๊ะนะ ที่เคยเป็นคนปกติ เดินเหินได้ แต่ต้องจมอยู่ในความมืดมนอนธการหลังประสบอุบัติเหตุที่ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเดิม จากที่เคยคิดว่าจะเป็นเสาหลักแบกรับภาระของครอบครัว ก็กลายเป็นทุกคนต้องเสียสละเพื่อมาดูแลเธอแทน

 

หลายคนคงพอจะรู้แล้วว่าในวันที่ดวงใจมืดบอดนั้น เธอคิดถึงการจากไปเพื่อไม่ให้เป็นภาระของใครอีก

 

แต่สุดท้ายเพราะรู้ว่ามีคนยังรักและอยากให้อยู่ เธอจึงตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ และอยากจะอยู่อย่างมีคุณค่า จึงเป็นการนำพาไปสู่เส้นทางแห่งโชคชะตาใหม่

 

ช่วงระยะเวลาจากวันที่มองไม่เห็นแสงสว่างจนถึงวันที่เริ่มต้นพบแสงสว่างอีกครั้งนั้น คือช่วงเวลาของการกำเนิดยอดมนุษย์ ช่วงเวลาที่หัวใจมันถูกบีบค้นทุบตีจนอ่อนแอที่สุด แต่หัวใจดวงนั้นก็ไม่เคยยอมแพ้ และแสดงให้เห็นว่าเรามีโอกาสที่จะกลับมายืนหยัดได้เสมอ

 

ที่สำคัญคือ หัวใจของยอดมนุษย์นั้นไม่ได้สงวนเอาไว้สำหรับเหล่านักกีฬาพาราลิมปิก

 

เพราะหัวใจนั้นมันอยู่ในตัวของเราทุกคนเหมือนกัน

อยู่ที่ว่าเราจะอดทนมากพอที่จะยืนหยัดกลับมาอีกครั้งได้ไหม ไม่ว่าจะกับเรื่องอะไรก็ตาม

 

นี่คือบทเรียนที่มีค่ามากที่สุดที่ผมคิดว่า เราทุกคนเรียนรู้ได้จากช่วงเวลาของความมหัศจรรย์ในพาราลิมปิกเกมส์ที่ผ่านมา

 

 

อย่างไรก็ดี ไม่ว่านักกีฬาเหล่านี้จะเก่งกล้าสามารถสักแค่ไหน พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรจากยอดมนุษย์ที่มีระยะเวลาในการสำแดงเดชจำกัด

 

Ultraman อยู่บนโลกได้ 3 นาที เหล่าพาราลิมเปียนก็ทรงพลังอยู่ได้เกือบ 2 สัปดาห์ของการแข่งขันเท่านั้น

 

เมื่อหมดเวลาตรงนี้ พวกเขาก็จะกลับร่างกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนทุกคนอีกครั้ง กลับไปใช้ชีวิตของตัวเองเหมือนเดิม หลายคนเป็นพนักงานบริษัทเอกชน บางคนอาจทำธุรกิจของตัวเอง เพื่อดูแลชีวิตของตัวเองและครอบครัว

 

คำถามที่เกิดในหัวใจคือ แล้วเราจะยังจดจำและให้ความสำคัญกับพวกเขาได้เท่ากับวันที่นักกีฬาเหล่านี้แปลงกายเป็นยอดมนุษย์ ต่อสู้ในสนามให้เราได้เห็นกันไหม?

 

เราจะยังมี ‘กำลังใจ’ ให้พวกเขาต่อสู้ในเกมสนามชีวิตต่อไหม จะทำอะไรเพื่อตอบแทนได้อีกบ้างนอกจากชื่อเสียงและเงินทอง ในระหว่างที่พวกเขารอคอยวันที่จะได้แปลงกายไปแข่งกีฬาอีกครั้ง

 

เพราะต่อให้เป็นยอดมนุษย์ก็มีหัวใจ

 

หัวใจของมนุษย์ธรรมดาเหมือนพวกเราทุกคน

 

 

สดุดีทัพพาราลิมปิกไทยยุคใหม่

 

สุดท้ายก่อนจาก ต้องขออนุญาตสดุดีทัพพาราลิมปิกไทยที่สร้างประวัติศาสตร์ในการแข่งขันปารีส 2024

 

6 เหรียญทอง

11 เหรียญเงิน

13 เหรียญทองแดง

 

รวมแล้ว 30 เหรียญจากปารีส 2024 มหานครแห่งความรัก ซึ่งดีกว่าผลงานเดิมที่เคยทำไว้ดีที่สุดที่ 6 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน และ 6 เหรียญทองแดงในพาราลิมปิกเกมส์ 2016 ที่กรุงรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล

 

ผลงานระดับสุดยอดนี้มาจากความทุ่มเทของทุกฝ่ายที่ร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นสมาคมกีฬา ผู้สนับสนุนทุกราย ไปจนถึงโค้ชและนักกีฬาที่อุทิศทั้งชีวิตเพื่อทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้

 

อย่าลืมว่าชาวพาราลิมปิกไทยเพิ่งสูญเสียหัวเรือใหญ่อย่าง จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ที่เป็นเหมือน ‘พ่อ’ ของทุกคนในวงการนี้ไปเมื่อ 2 ปีก่อน ความสั่นคลอนทางจิตใจ เครื่องหมายคำถามถึงอนาคตพาราลิมปิกไทยตัวใหญ่เท่าฟ้า

 

แต่วันนี้เราได้เห็นแล้วครับว่าทุกคนพร้อมก้าวเดินต่อไปอย่างแข็งแรง โดยที่ไม่ลืมสิ่งที่คุณนิดหน่อยได้สร้างไว้ เป็นยุคใหม่ของทัพพาราไทยที่จะไปให้ไกลกว่าเดิม

 

อย่างไรก็ดี มันก็ยังพอมีสิ่งที่เป็นคำถามทิ้งท้าย

 

ตัวเลขยอดสนับสนุนจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ 135 ล้านบาทนั้นเห็นแล้วก็รู้สึกดีใจ ที่เหล่านักกีฬาที่ทำผลงานได้ดีจะได้รางวัลตอบแทนความพยายามของพวกเขา

 

อีกด้านหนึ่ง เรื่องนี้ก็เป็นคำถามใหญ่ที่มีการเปิดประเด็นไว้อีกครั้งในเรื่องของเงินรางวัลระหว่างนักกีฬาโอลิมปิกกับพาราลิมปิกที่ไม่เท่ากัน แม้ว่าจะพอมองเห็นเหตุและผลในคำชี้แจงจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติอยู่

 

หรือการเข้ามาสนับสนุนจากฝ่ายเอกชนที่ยังไม่มากนักเมื่อเทียบกับโอลิมปิก ทั้งๆ ที่ดูจากกระแสแล้ว การแข่งพาราลิมปิกใน 2 ครั้งหลังสุดนั้นคนให้ความสนใจมากทีเดียว

 

อาจเป็นข้อคิดพิจารณาสำหรับเอกชนที่จะเข้ามาโอบกอดและเกื้อกูลวงการนี้มากขึ้นในอนาคตครับ

 

และอีกใจก็แอบคิดถึงคนที่ไปไม่ถึงดวงดาวเหมือนกัน ยังแอบคิดหวังว่าจะมีใครใจดีที่มี ‘กำลังใจพิเศษ’ ให้แก่นักกีฬาอีกหลายคนที่ไม่ได้เหรียญรางวัลกลับมาบ้างไหม

 

อย่างน้อยพวกเขาก็พยายามไม่แพ้ใครเหมือนกัน

 

มากหรือน้อยอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าการแสดงออก ที่แทนความชื่นชมและขอบคุณ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising