Panasonic ยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่น ประกาศยุติการเป็นผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก หลังจากร่วมงานมายาวนาน 37 ปี สาเหตุหลักมาจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของบริษัทที่ต้องการมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจ B2B มากขึ้น
Yuki Kusumi ซีอีโอของ Panasonic Group กล่าวว่า บริษัทได้ตัดสินใจไม่ต่อสัญญา The Olympic Partner (TOP) ซึ่งจะหมดอายุในสิ้นปีนี้ โดยต้องการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
Kusumi ได้ประกาศแผนการลงทุนครั้งใหญ่ในธุรกิจ B2B โดยมองว่าแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบสำหรับปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและโลจิสติกส์เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง Panasonic ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายแบตเตอรี่เป็น 3,000,000 ล้านเยน จาก 915,900 ล้านเยนในปีงบประมาณที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกันธุรกิจโทรทัศน์ของ Panasonic ซึ่งรวมถึงกล้องถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ มียอดขายเพียง 2,431 ล้านเยนในปีงบประมาณที่แล้ว หรือคิดเป็นประมาณ 3% ของยอดขายรวมของกลุ่มบริษัท ซึ่งลดลงอย่างมากจากช่วงปลายทศวรรษ 2000 ที่เคยทำรายได้กว่า 1,000,000 ล้านเยน
เดิมทีสัญญาการเป็นผู้สนับสนุนโอลิมปิกมีจุดมุ่งหมายเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก ในช่วงยุค 80 และ 90 โอลิมปิกเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอนวัตกรรมทางเทคโนโลยีโทรทัศน์ เช่น ระบบ Full HD และ 4K และ Panasonic ก็ใช้โอกาสนี้ในการเปิดตัว Viera Plasma TV ที่เน้นเจาะกลุ่มแฟนกีฬา
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2020 เป็นต้นมา ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทีวีเริ่มชะลอตัวลง และมุมมองของผู้บริโภคต่อโอลิมปิกก็เปลี่ยนไป ทำให้ Panasonic ต้องทบทวนคุณค่าของการเป็นผู้สนับสนุนโอลิมปิก และมองหาช่องทางการตลาดอื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
การตัดสินใจของ Panasonic สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่ผู้สนับสนุนโอลิมปิกต้องเผชิญในยุคดิจิทัลที่ผู้บริโภคมีทางเลือกในการรับชมและติดตามข่าวสารกีฬามากขึ้น ทำให้มูลค่าของการเป็นสปอนเซอร์ลดลง
กระนั้นโอลิมปิกยังคงเป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และยังคงมีบริษัทชั้นนำหลายแห่งที่ให้การสนับสนุน เช่น Coca-Cola และ Procter & Gamble ในขณะที่ Toyota Motor ก็ตัดสินใจยุติการเป็นสปอนเซอร์โอลิมปิกในปีนี้ แต่ยังคงเป็นสปอนเซอร์พาราลิมปิกต่อไป
อ้างอิง: