×

หน้ากากตัวตลกที่มีคราบน้ำตา จาก ปายาชชี ถึง แฮร์รี แม็กไกวร์

13.09.2023
  • LOADING...

เรื่องราวมันมักจะเริ่มต้นเช่นนี้เสมอ…

 

มีชายคนหนึ่งเดินทางไปที่คลินิกเพื่อพบกับคุณหมอ

 

“คุณหมอ ผมรู้สึกอยู่ในภาวะซึมเศร้า” ชายหนุ่มกล่าวหลังนั่งลงที่เก้าอี้ “ชีวิตมันช่างโหดร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย มันมีแต่ความเจ็บปวดเหลือเกิน”

           

หลังได้รับฟังแล้ว คุณหมอเริ่มต้นกระบวนการรักษาตามตำรับและตำราทางการแพทย์

           

ก่อนที่คุณหมอจะให้คำแนะนำเพิ่มเติมอีกสักหน่อย เผื่อว่าจะช่วยให้ชายหนุ่มผู้เศร้าและซึมคนนี้ได้มีรอยยิ้มบ้างอีกสักนิด

           

“นี่คุณ รู้หรือยังว่าคืนนี้ตัวตลกผู้ยิ่งใหญ่ ปายาชชี จะมาแสดงในเมืองด้วยนะ” คุณหมอบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ไปสิ ไปดูเขาแสดง! มันน่าจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้นะ”

           

จบประโยคของคุณหมอ น้ำตาของชายหนุ่มก็ไหลพรากออกมาโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดได้ง่ายๆ คุณหมอก็ทำอะไรไม่ถูก และได้แต่รอให้เขาหยุดสะอื้นไห้สักนิด เพื่อจะได้ถามไถ่กันอีกทีว่าในกระบวนการรักษามีปัญหาตรงไหนหรือไม่

           

“แต่คุณหมอ…”​ ชายหนุ่มพยายามสะกดอารมณ์ก่อนพูดออกมาแต่ละคำด้วยความยากลำบาก “ผมนี่แหละคือปายาชชี”

           

และนี่คือเรื่องราวตัวตลกคลาสสิก ซึ่งมาจากเรื่อง Pagliacci ละครโอเปราของชาวอิตาลี ผลงานของ รุจเจโร เลออนคาวาลโย ที่เป็นผู้ประพันธ์ทั้งท่วงทำนองและคำร้องในการแสดง ซึ่งเริ่มแสดงเป็นครั้งแรกในปี 1891 ที่โรงละครเตอาโตรดาลเวอร์เม ในเมืองมิลาน

 

คำว่า Pagliacci ก็มีความหมายตรงตัวชัดเจน ไม่ได้มีอะไรที่สลับซับซ้อน เพราะหมายถึง ‘ตัวตลก’ นั่นเอง

 

Pagliacci ถูกหยิบมาแสดงในรูปแบบละครเวทีที่ Metropolitan Opera
โดย Tenor Luciano Pavarotti รับบทเป็น Canio

 

ปายาชชี ว่าด้วยเรื่องราวของ คานิโอ นักแสดงนำของคณะละครตลกแห่งหนึ่งที่เจอโศกนาฏกรรมในชีวิต เมื่อภรรยาปันหัวใจให้ชู้รัก ทำให้ตัดสินใจที่จะฆ่าพวกเขาทั้งสองคนให้ไปครองรักกันเองอยู่ในภพหน้า

           

เพียงแต่หลังก่อเหตุแล้ว คานิโอแม้จะมีชีวิตอยู่ แต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น และชีวิตก็ยังเล่นตลกกับเขา เพราะคานิโอก็ยังคงต้องแสดงเป็นตัวตลกต่อไป ทั้งๆ ที่หัวใจของเขาได้ตายตามภรรยาไปนานแล้ว

           

ภาพของหน้ากากตัวตลกที่มีน้ำตาบนใบหน้าที่หลายคนอาจเคยได้เห็นผ่านตาจากสื่อต่างๆ ซึ่งมีไปถึงการข้ามแพลตฟอร์มไปอยู่กับคอมิกซูเปอร์ฮีโร่อย่าง Watchmen ก็มีที่มาที่ไปจากเรื่องราวของคานิโอ ‘ปายาชชี’ ผู้จมอยู่กับความมืดมนอนธการ แต่ต้องทำหน้าที่สร้างรอยยิ้มให้กับผู้คนนั่นเอง

           

แต่เรื่องราวของหน้ากากตัวตลกกับคราบน้ำตาของปายาชีเป็นที่สนใจของคนในวงกว้างจากการเป็นมีมบนโซเชียลมีเดีย โดยนักอ่านคอมิก เอริค โคลอสซอล ได้ทำรูปในเชิงล้อเลียนขึ้นมาในปี 2011

        

“แต่คุณหมอ… ผมไม่คิดว่าคุณเข้าใจโรคซึมเศร้าหรอก”

         

ภาพนี้ถูกรีทวีตไปทั้งหมด 29 ครั้งด้วยกัน และมันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างที่โคลอสซอลเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน เมื่อเกิดกระแสการพูดถึงเรื่องปัญหาสุขภาพจิตขึ้นมาบนโลกออนไลน์เป็นครั้งแรก มันทำให้เพื่อน คนรอบตัว ไปจนถึงคนรักของเขา เริ่มที่จะกล้าเปิดเผยปัญหาทางจิตของเธอออกมา

           

เรื่องที่เหมือนจะเคยเป็นเรื่องต้องห้ามนี้ กลายเป็นเรื่องที่สามารถเปิดเผยพูดคุยกันได้ด้วยความเข้าใจมากขึ้นในสังคม และทำให้เราได้รู้ว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้กระทั่งคนที่มีชื่อเสียงเองก็มีปัญหาสุขภาพจิตไม่น้อยเช่นกัน

         

รวมถึงเหล่านักเตะซูเปอร์สตาร์ที่ดูแสนจะเข้มแข็งยามอยู่ในสนามด้วย

 

ที่ผ่านมามีเรื่องเศร้าเกิดขึ้นกับนักฟุตบอลยุคเก่าจำนวนไม่น้อยที่เก็บงำความมืดมนนี้ไว้คนเดียวไม่บอกใคร

 

มีบางคนตัดสินใจที่จะยุติความรู้สึกของการตกหลุมดำดังกล่าวด้วยการยุติลมหายใจของตัวเองเสีย ไม่ให้เดือดร้อนใครอีก อย่างในกรณีของ แกรี สปีด อดีตผู้จัดการทีมชาติเวลส์ ที่จบชีวิตตัวเองที่บ้าน หรือ โรเบิร์ต เองเค ที่เลือกการลาจากอย่างน่าสยองขวัญบนรางรถไฟ

 

ยิ่งในยุคปัจจุบันที่นักฟุตบอลต้องตกอยู่ท่ามกลางความสนใจจากผู้คนมากมาย ในแต่ละวันมีคนจำนวนนับร้อยพันหมื่นหรือแสน ที่สามารถเข้าถึงพวกเขาได้อย่างง่ายดายกว่าในอดีตผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งสามารถปิดเร้นตัวตนที่แท้จริงและพ่นความเกลียดชังทั้งมวลไปให้กับคนที่ไม่ชอบได้

 

โดยที่หากนักฟุตบอลคนนั้นไม่เข้มแข็งพอที่จะยืนหยัดต้านทาน หรือไม่สามารถหาวิธีรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้ มันมีโอกาสที่ชีวิตของพวกเขาจะพังทลาย

 

 

หนึ่งในคนที่กำลังเผชิญชะตากรรมเช่นนั้นคือ แฮร์รี แม็กไกวร์ ปราการหลังที่เคยเป็นอดีตกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และกองหลังที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก ที่ตอนนี้กลายสภาพเป็นนักฟุตบอลตัวตลกที่โดนดูถูกเหยียดหยามมากที่สุดในโลก

 

สาเหตุสำคัญนั้นมาจากเรื่องผลงานในสนามของตัวเขาเองที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามักจะทำผิดพลาดอย่างน่าขันให้เห็นเสมอ (อาทิ ยกเท้าฟาดหัว พอล ป็อกบา) และหลายครั้งที่ความผิดพลาดที่ก่อก็ส่งผลต่อผลการแข่งขันของทีมด้วย

           

ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ในเกมที่อังกฤษพบกับยูเครน ก็เข้าประกบเพื่อนร่วมทีม แทนที่จะประกบคู่แข่ง และเป็นเหตุให้ทีมชาติอังกฤษเสียประตู

           

และเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาก็สกัดบอลเข้าประตูตัวเอง

 

ในความรู้สึกของแฟนฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นแฟนบอลฝั่งตรงข้าม หรือจะเป็นแฟนทีมชาติอังกฤษหรือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเอง แม็กไกวร์ไม่เหลือความน่าเชื่อถือใดๆ เขากลายเป็นตัวตลกที่ทุกคนพร้อมจะ Make Fun กันอย่างสนุกปาก

           

โดยที่แทบไม่มีใครคิดถึงใจของคนที่ตกเป็นผู้ถูกกระทำอย่างเขาเลย

      

นั่นทำให้ แกเร็ธ เซาธ์เกต พยายามออกมาปกป้อง พร้อมตำหนิการกระทำของคนที่พยายามทำให้แม็กไกวร์กลายเป็นตัวตลก

         

ลำพังแฟนสกอตแลนด์จะโห่เขาในทุกจังหวะที่สัมผัสบอลก็เข้าใจได้

         

แต่กับแฟนบอลตัวเองที่โห่ฮาป่าเถื่อนใส่ หรือแม้แต่สื่อที่พร้อมจะทำให้เขาดูแย่ยิ่งขึ้นไปอีก เป็นสิ่งที่เซาธ์เกตยอมรับไม่ได้

           

ผมเข้าใจในมุมของผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ในฐานะคนที่เคย ‘เจ็บ’ มาก่อนจากการเป็นคนที่ถูกประณามจากการยิงจุดโทษพลาดในศึกฟุตบอลยูโร 1996 จนทำให้อังกฤษตกรอบรองชนะเลิศ เขาย่อมรู้ดีว่าสิ่งที่แม็กไกวร์กำลังเผชิญอยู่คืออะไร

           

และนั่นทำให้เซาธ์เกตพยายามยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ พยายามยืนหยัดเคียงข้างทั้งๆ ที่เขาไม่จำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้นก็ได้ เพราะมันก็กระทบต่อเรื่องความน่าเชื่อถือในการทำงานของตัวเองเหมือนกัน

           

แต่เซาธ์เกตไม่น่าจะมองแค่เรื่องของกีฬา

       

เขาน่าจะคิดไปถึง ‘ชีวิต’ และ ‘จิตใจ’

 

ที่ผ่านมาแม็กไกวร์ก็ทำตัวเองอยู่ไม่น้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะนับจากเหตุการณ์วุ่นวายที่ถูกตำรวจกรีซจับในระหว่างไปเที่ยวไนต์คลับที่เกาะมิโคนอส ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถหาทางกลับมาเป็นคนเก่าที่เคยเป็นได้เลย

 

 

วันนี้แม็กไกวร์อาจจะนึกไม่ออกแล้วว่าสมัยเด็กๆ เขาเคยเป็นเด็กที่เรียนเก่ง พอมาเล่นฟุตบอลก็เคยถึงขั้นเป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยม 3 ปีซ้อนของเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด มาอยู่กับเลสเตอร์ก็เล่นเข้าตา เป๊ป กวาร์ดิโอลา เพียงแต่โชคชะตาพามาอยู่กับอีกทีมของแมนเชสเตอร์ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์

          

ไม่มีใครบ้าจ่ายค่าตัวสถิติโลกให้นักฟุตบอลที่เป็นได้แค่ตัวตลกหรอก

          

แต่ปัญหาที่รุมเร้ามันส่อเค้าสักพักใหญ่แล้วว่าชีวิตของเขาจะไปไม่รอด โดยที่โชคชะตาเองก็ไม่ได้นำพาให้ทุกอย่างดีขึ้นแต่อย่างใด

           

อย่างไรก็ดี นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคน และหากมองเขาด้วยสายตาของมนุษย์คนหนึ่งที่ประสานตากัน

           

แม็กไกวร์ก็เป็นคนธรรมดา และเขาก็ควรจะได้รับการปฏิบัติที่ดีเท่าเทียมกับคนอื่น

           

สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ นอกสนามแม็กไกวร์เป็นนักฟุตบอลที่มีความน่ารัก เขาให้เกียรติทุกคนเสมอ

          

นั่นรวมถึงการช่วยพูดสนับสนุนแคมเปญปัญหาสุขภาพจิตในหมู่นักฟุตบอล ซึ่งเขาอยากให้ทุกคนที่มีปัญหาสามารถเปิดใจพูดคุยกันได้กับผู้เชี่ยวชาญที่สามารถดูแลหรือให้คำแนะนำในการรักษาได้เป็นอย่างดี

           

หรือแม้แต่เปิดใจกับเพื่อนด้วยกันเอง โดยที่บางครั้งอาจไม่ต้องมีคำแนะนำ แต่แค่รู้ว่ามีคนที่พร้อมรับฟังและอดทนรอที่จะให้คนที่ทนทุกข์เข้มแข็งพอที่จะฉุดตัวเองขึ้นจากหลุมดำนั้นได้

           

คำถามคือ วันนี้มีใครสักคนที่พร้อมจะยื่นมือมาช่วยเขาบ้างไหม? หรือเราจะพอใจและมีความสุขหากได้เห็นชีวิตของเขาพังทลายไปต่อหน้า

           

แฮร์รี แม็กไกวร์ จึงอาจไม่ต่างอะไรจากคานิโอ

           

“นี่คุณ รู้หรือยังว่าคืนนี้ตัวตลกผู้ยิ่งใหญ่ แฮร์รี แม็กไกวร์ จะมาแสดงในเมืองด้วยนะ” คุณหมอบอกด้วยความตื่นเต้น “ไปสิ ไปดูเขาแสดง! มันน่าจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้นะ”

           

“แต่คุณหมอครับ” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา เผยให้เห็นสีหน้าและแววตาที่หมองและหม่นที่สุดเท่าที่คุณหมอจะเคยเห็นจากมนุษย์สักคน

         

“ผมนี่แหละ แฮร์รี แม็กไกวร์”

           

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising