วันนี้ (5 กุมภาพันธ์) แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา ออกมาระบุว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอมีอักษรย่อ ‘ส’ นั้น ยังไม่ทราบว่าคือใคร และฝากถามขออักษรตัวถัดไปด้วย และตนเพิ่งได้ยินเรื่องนี้
ส่วนที่ระบุว่าเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย ซึ่งคาดว่าเป็น สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น แพทองธารกล่าวว่า ไม่ใช่ และไม่ได้มีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด ทั้งนี้ ยอมรับว่าขณะนี้พรรคมีกระแสทุกด้าน ไม่ว่าเพื่อไทยจะหาเสียงแบบแลนด์สไลด์หรือจับมือกับใคร ซึ่งมีกระแสมาอยู่เรื่อยๆ แต่พรรคยืนยันในจุดยืนที่มั่นคง และยังเดินหน้าหาเสียงกับประชาชนต่อไป ยื่นนโยบายสู่มือประชาชน สัญญาว่าจะทำให้ได้ และที่สำคัญ พรรคเพื่อไทยจะเลือกคนที่มีคุณภาพให้กับประชาชนอย่างแน่นอน
ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 จะเป็นคนในพรรคหรือนอกพรรคนั้น เมื่อถึงเวลาพรรคจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป ทั้งนี้ ชื่อตนยังไม่ได้มีการผ่านกระบวนการพิจารณาของพรรค แม้จะมีการคาดเดาว่าจะต้องเป็นตนแน่นอน แต่ทางพรรคยังไม่ได้มีการประกาศแต่อย่างใด
“คนในพรรคเรารักกัน ไม่มีใครหลอกอิ๊ง และอิ๊งก็ไม่ได้หลอกใคร เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเราจะต้องเห็นด้วยกันก่อน แล้วก็บอกประชาชนและสื่อมวลชน อันนั้นไม่ต้องห่วงเลย เรื่องความขัดแย้ง ตนเองเข้ามารู้สึกชอบที่พรรคเพื่อไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน การมีคนย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติของการเมือง ที่ทำงานกันอยู่ตอนนี้คุยกันตลอด” แพทองธารกล่าว
ทั้งนี้ แพทองธารยังได้ขอบคุณผลนิด้าโพลที่สำรวจความคิดเห็นประชาชนจังหวัดนครราชสีมาซึ่งสนับสนุนให้เธอเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะถือว่าเป็นกำลังใจ เมื่อผลโพลออกมาไม่ว่าจะเป็นในส่วนของตนหรือพรรคถือว่าเป็นส่วนเดียวกัน จึงมีความมั่นใจ ถ้าหากเป็นแค่ตัวเองแล้วไม่มีนโยบายที่ดีสนับสนุนคงไม่มีใครสนับสนุน ส่วนความพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ต้องรอดูว่าอะไรจะดีที่สุดสำหรับประชาชนและประเทศชาติ การเมืองหากเราลดความเป็นตัวเองลงคนละนิดคนละหน่อยเพื่อเอาประชาชนและประเทศชาติมาก่อนเป็นสิ่งที่สำคัญ
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. จังหวัดน่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่มีการปล่อยข่าวแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ชื่อย่อ ‘ส’ นั้นเรื่องนี้ไม่เป็นการบอนไซที่มีการปล่อยตัวย่อ ส. ออกมา เพราะกระบวนการพิจารณาแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคมีคณะกรรมการ มีเป้าหมายที่ชัดเจน ทุกอย่างเพื่อประชาชน ตนในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคหรือไม่ เพราะไม่มีข้อบังคับใดที่เขียนไว้หรือกฎหมายใดที่บันทึกไว้ ดังเช่นพรรคอื่นที่มีการระบุว่าหัวหน้าพรรคต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ของพรรคเพื่อไทยเราเปิดกว้าง ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเป็นการบอนไซ แต่จะเป็นการหาเสียงที่ดีที่สุด ส่วนกระบวนการสรรหาแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยยังไม่แล้วเสร็จ 100% และอยู่ในกระบวนการพิจารณา
