วันนี้ (3 พฤศจิกายน) ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะ เดินทางกลับประเทศไทยภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจการเป็นคณะผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26) ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร โดยจะเดินทางถึงประเทศไทยช่วงเย็นวันนี้ การเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำ (World Leaders Summit) COP26 ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เป็นการแสดงบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศ และเป็นการเดินทางระหว่างประเทศของนายกรัฐมนตรีในรอบ 2 ปี แสดงให้เห็นว่าไทยเน้นย้ำและให้ความสำคัญถึงความมุ่งมั่นของไทยร่วมกับประชาคมโลกในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยได้แสดงเจตจำนงในการยกระดับการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ด้วยทุกวิถีทาง เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี ค.ศ. 2065
ธนกรกล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าร่วมการประชุม COP26 เป็นเพียงบทบาทหนึ่งของประเทศไทยในการร่วมกับประชาคมโลกเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้วางนโยบายของรัฐบาลให้ทุกส่วนงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ในสังคม ได้ดำเนินการทั้งในส่วนของการจัดทำและปรับปรุงนโยบาย กฎหมาย และการปฏิบัติเกี่ยวกับด้านพลังงาน อุตสาหกรรม การขนส่ง และการเกษตร เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก นอกจากนี้ในอนาคตไทยยังได้วางแนวทางการขับเคลื่อนและพร้อมบูรณาการการทำงานอย่างแข็งขันไว้ในด้านต่างๆ อาทิ
- ด้านนโยบายและกฎหมาย อาทิ พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแผนที่นำทางการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2564-2573
- ด้านการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในสังคม อาทิ การร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน, แผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกระดับจังหวัด และการผลิตและการบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม อาทิ การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), ฐานข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, พลังงานสะอาด, การใช้ GEO-Engineering
- ด้านงบประมาณและการลงทุน อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย ให้สินเชื่อสีเขียวเพื่อการอนุรักษ์และแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และภาครัฐเตรียมจัดงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว (Green Infrastructure) และด้านสิ่งแวดล้อม
“เชื่อมั่นว่าด้วยการสั่งการของนายกรัฐมนตรี การวางแผนการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิกาศอย่างครอบคลุม จะทำให้ไทยสามารถบรรลุตามเจตนารมณ์ที่นายกรัฐมนตรีได้ให้ไว้กับประชาคมโลกและเพื่อโลกของเราได้เป็นผลสำเร็จ” ธนกรกล่าวในที่สุด