ธุรกิจรีเทลยังมีช่องว่างอยู่มาก แม้การแข่งขันสูงก็ไม่หวั่น แม่ทัพใหญ่ OR ย้ำ หลังเปิดตัว ‘OR Space’ ประเดิม 2 สาขา พร้อมเร่งสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง รับนโยบายปี 2573 ธุรกิจกลุ่ม Non-oil ต้องทำสัดส่วนกำไรให้ได้ 50%
“เราอยากสร้าง New S-Curve มาเสริมแกร่ง Ecosystem มานานแล้ว ก่อนจะเป็น OR Space ก็ได้พิจารณาหลายปัจจัย ด้วยโอกาสต่างๆ จึงเกิดแนวคิดที่ต้องการแตกต่างจากคอมมูนิตี้มอลล์อื่นๆ แม้จะไม่มีน้ำมันแต่ก็มีร้านค้าและการบริการต่างๆ เข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค” ดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าว
ปัจจุบัน OR Space เปิดให้บริการ 2 สาขา โดยสาขาแรกตั้งอยู่อำเภอเณรแก้ว จังหวัดสุพรรณบุรี และล่าสุดได้เปิดสาขารามคำแหง 129 โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้แนวคิด ‘Convenience Mall’ บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ และเร็วๆ นี้เตรียมจะเปิดที่สาขาพงษ์เพชร นับเป็นสาขาที่ 3 และตั้งเป้าว่าจะเปิดให้ครบ 10 สาขา ภายในปี 2569 ภายใต้งบลงทุน 300 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ซีอีโอ OR ประกาศลุยลงทุนธุรกิจโรงแรม เตรียมเสนอแผนเข้าบอร์ดภายใน 4Q67
- OR ทุ่ม 8 พันล้าน บุกตลาดต่างประเทศเต็มสูบ โฟกัสกัมพูชาลุยสร้างคลังน้ำมัน-เวียดนาม LPG
- OR จับมือ SJWD นำเสนอนวัตกรรมขนส่งเย็นรูปแบบใหม่ผ่านเครือข่ายขนส่งที่ใหญ่ที่สุด
ทั้งนี้ การเปิดสาขาใหม่แต่ละครั้งจะพิจารณาจากพื้นที่ที่อย่างน้อยจะต้องมี 3 ไร่ขึ้นไป ส่วนใหญ่จะเป็นการเช่าพื้นที่ระยะยาว แม้ OR อยากลงทุนเรื่องที่ดินเอง แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งบริเวณใจกลางกรุงเทพฯ ยิ่งมีข้อจำกัด จึงหันออกมาเลือกพื้นที่โดยรอบปริมณฑลและต่างจังหวัด
สิ่งที่น่าสนใจของ OR Space คือการจับมือกับพันธมิตรหลายแบรนด์ หนึ่งในนั้นคือร้าน UNIQLO Roadside ดีไซน์ใหม่แห่งแรกในประเทศไทย และยังเป็นสาขาแรกในต่างประเทศที่ถอดแบบมาจากร้าน UNIQLO สาขา Maebashi และสาขา Nishiiba ประเทศญี่ปุ่น ตามด้วยแบรนด์ชั้นนำในเครือ OR เช่น Café Amazon, found & found, Pacamara และ Otteri
รวมถึงสถานีชาร์จ EV Station PluZ และร้านค้าพันธมิตร ทั้งร้านอาหาร บริการด้านสุขภาพและความงาม ร้านขายยา มั่นใจว่าจะตอบโจทย์ทุกเจเนอเรชัน โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าย่านรามคำแหงที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง
แม่ทัพใหญ่ OR กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป OR จึงใช้กลยุทธ์ปรับรูปแบบการบริหาร Physical Platform จากการดำเนินธุรกิจน้ำมันผ่านสถานีบริการ PTT Station ไปสู่การดำเนินธุรกิจค้าปลีก โดยการพัฒนา Retail Mixed-Use Platform ที่มีสัดส่วน Non-oil 100% และก้าวสู่ธุรกิจศูนย์การค้าอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเพิ่มความหลากหลาย พร้อมหาโอกาสขยายแหล่งรายได้ใหม่ๆ
พร้อมกันนี้ยังบอกอีกว่า ในอนาคตอันใกล้จะมีธุรกิจกลุ่มอาหารใหม่ๆ เข้ามาทดแทนธุรกิจ Texas Chicken ที่ได้ยุติกิจการไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นร้านอาหารประเภทไหน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาในข้อสัญญากันอยู่
เรียกว่าสอดรับกับแผนงานระยะยาวของบริษัทในปี 2573 ที่มีนโยบายเพิ่มสัดส่วนกำไรที่มาจากธุรกิจกลุ่ม Non-oil เป็น 50% ของกำไรทั้งหมดของบริษัท จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนกำไรอยู่ที่ 30% ส่วนอีก 70% ยังมาจากกลุ่มธุรกิจน้ำมัน