×

พรรคร่วมฝ่ายค้านออกแถลงการณ์ขอรัฐบาลเปิดทางชุมนุม 19 กันยายน จี้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทบทวนให้ใช้พื้นที่

17.09.2020
  • LOADING...

วันนี้ (17 กันยายน) ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย, วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ, สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และ นิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ออกแถลงการณ์พรรคร่วมฝ่ายค้าน เรื่อง สิทธิเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน และการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ

 

ด้วยสถานการณ์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เข้าสู่ภาวะวิกฤตจากการบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดพลาดและไร้ซึ่งประสิทธิภาพ ไร้ขื่อแปในการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน สร้างสังคมที่มีแต่ความขัดแย้ง และสร้างรัฐธรรมนูญที่ก่อให้เกิดสารพัดปัญหา จนนำไปสู่ทางตันของประเทศในปัจจุบัน จนเกิดกระแสเรียกร้องของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทุกเพศทุกวัยในวงกว้าง และจะมีการชุมนุมใหญ่ในวันเสาร์ที่ 19 กันยายน 2563 นั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านขอแถลงให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้ 

 

  1. พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าการแสดงออกและการเรียกร้องของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนภายใต้กรอบกฎหมายเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ถูกต้องและสามารถกระทำได้ รัฐบาลต้องคุ้มครองและอำนวยความสะดวกให้การแสดงออกดังกล่าวเป็นไปได้อย่างเสรี รัฐบาลต้องเปิดพื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัยในการแสดงออกของประชาชน โดยปราศจากการคุกคาม แทรกแซง ให้ร้าย และด้อยค่าการแสดงออกดังกล่าว รัฐบาลต้องไม่ทำลายความคิดเสรีของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ด้วยการใช้เครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กฎหมายที่บิดเบือนข้อเท็จจริง การนิ่งเฉยปล่อยให้มีการใช้ความรุนแรง การใช้อาวุธสลายการชุมนุม และกักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นต้น ทั้งนี้ข้อเรียกร้องต่างๆ ของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนควรจะต้องมีการนำไปสู่การพิจารณาด้วยความพินิจพิเคราะห์ถึงข้อดี ข้อเสีย ความเหมาะสมอย่างละเอียดถี่ถ้วนและเป็นธรรม ทั้งนี้เพื่อเป็นการร่วมกันหาทางออกที่เหมาะสมให้กับสังคมไทย

 

  1. หนึ่งในข้อเรียกร้องที่สำคัญของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนในวงกว้างคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นผลจากการสืบทอดอำนาจและความต้องการรักษาอำนาจของ คสช. เป็นเหมือนมะเร็งร้ายที่กัดกร่อนทำลายประเทศชาติและนำพาประเทศมาสู่ทางตัน ไร้หนทางออก พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ร่วมกันผลักดันร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ที่เสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวันที่ 23-24 กันยายน 2563 ซึ่งสนับสนุนให้มี สสร. เพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยที่ สสร. ทั้งหมดต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของพี่น้องประชาชน เพื่อนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพื่อปลดล็อกประเทศจากทางตันในปัจจุบัน พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่า หาก สสร. มิได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง จะเป็นช่องทางให้คนเฉพาะบางกลุ่มหรือฝ่ายผู้มีอำนาจสามารถเข้ามาแทรกแซงและบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนได้

 

  1. พรรคร่วมฝ่ายค้านขอเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภาร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับอำนาจของสมาชิกวุฒิสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 272 ต้องถูกยกเลิก พวกเราเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภาเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ ร่วมมือกับทุกภาคส่วนในสังคมหาทางออกให้ประเทศ เพื่อทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยให้มากที่สุด และสามารถสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนได้ตรงตามความเป็นจริงที่สุด เพื่อยุติความขัดแย้งที่นับวันจะขยายตัวไม่มีที่สิ้นสุด

 

สมพงษ์ยังบอกด้วยว่า การชุมนุมในวันที่ 19 กันยายนนี้จะมีคณะกรรมาธิการการปกครองไปร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมด้วย เพราะมีความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย แม้เชื่อว่าเป็นการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ แต่ก็เป็นห่วงผู้มีอำนาจจะทำให้เกิดปัญหา จึงอยากให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เปิดพื้นที่สำหรับการชุมนุมให้กับนิสิต นักศึกษา และประชาชน ส่วนการพูดถึงการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็พูดได้

 

ด้าน พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง ส.ส. พรรคประชาชาติ บอกว่า ที่ผ่านมาอธิการบดี 16 แห่งในกำกับของรัฐ เคยมาชี้แจงในคณะกรรมาธิการ โดยตนถามไปว่า ถ้านักศึกษาหรือประชาชนมีปัญหาจะเปิดพื้นที่ให้พวกเขาหรือไม่ ซึ่งอธิการบดี 3 สถาบันคือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ระบุว่า ยินดีจะเปิดพื้นที่ให้ แต่เหตุใดมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์จึงยกเลิกให้ใช้พื้นที่

 

ด้าน พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เชื่อว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะไม่ยอมรับฟังข้อเรียกร้อง เพราะ 6-7 ปีที่ผ่านมาก็บริหารราชการล้มเหลว ที่สำคัญการเป็นผู้นำต้องเสียสละและกล้าหาญ แต่ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่มีคุณสมบัติทั้งสองข้อ และไม่พร้อมเป็นผู้นำ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าจะมีการเคลื่อนย้ายกำลังเข้ามาในกรุงเทพฯ ตนไม่สนใจว่าจะมีการปฏิวัติหรือไม่ แต่อาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมดล้วนเป็นเงินจากภาษีประชาชน ดังนั้น พล.อ. ประยุทธ์ ต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงควรลาออกจากตำแหน่ง

 

ขณะที่ วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เรียกร้องให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทบทวนการอนุญาตให้นิสิต นักศึกษาใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยในการชุมนุม เพราะไม่มีที่ไหนจะปลอดภัยเท่ากับในสถาบันการศึกษา

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising