วันนี้ (4 ตุลาคม) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตัวแทน 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกอบด้วย ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย, พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ, สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ, มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ยื่นหนังสือร้องต่อ ป.ป.ช. ผ่าน นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. เพื่อเอาผิดนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะ
สำหรับวันนี้เป็นการยื่นคำร้องมีทั้งหมด 4 สำนวน คือ การกล่าวหา ครม. ทั้งคณะ กรณีดำเนินการจัดหาวัคซีนโควิดผิดพลาด ส่อทุจริตต่อหน้าที่, กล่าวหา ครม. ทั้งคณะ กรณีการจัดหาชุดตรวจ ATK จำนวน 8.5 ล้านชุด, กล่าวหานายกรัฐมนตรี และ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กรณีกระทำความผิดต่อตำแหน่งราชการในการจัดหาวัคซีนโควิดที่ไร้ประสิทธิภาพ และกล่าวหานายกรัฐมนตรี และ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ครม. กรณีออกมติ ครม. ที่ขัดต่อกฎหมาย โดยเอื้อประโยชน์ให้เกิดการทุจริตสต๊อกยางพารา
นพ.ชลน่านกล่าวเพิ่มเติมว่า การยื่นคำร้องของพรรคฝ่ายค้าน เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 234(1) ที่ให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบการใช้อำนาจหน้าที่นายกรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อกฎหมาย ป.ป.ช. ที่สืบเนื่องจากประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งที่ผ่านมา ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 172
ด้านนิวัติไชยกล่าวว่า หลังจากนี้จะตรวจสอบพยานหลักฐาน และการเรียกส่วนที่เกี่ยวข้องมาสอบสวน ซึ่งการดำเนินการอาจใช้เวลาพอสมควร ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่ร้องขอเอกสารเพิ่มเติมด้วย แต่กฎหมายของ ป.ป.ช. ได้กำหนดกรอบให้ดำเนินการในแต่ละคดีให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี และต่ออายุได้ไม่เกิน 1 ปี
ส่วนความคืบหน้าการร้องเอาผิด ครม. ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเคยยื่นเอาผิดในการอภิปรายไม่ไว้วางครั้งที่ผ่านมานิวัติไชย กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสาร พยานหลักฐาน เพื่อยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป