OpenAI บริษัท AI ผู้สร้าง ChatGPT ประกาศความร่วมมือกับ Anduril Industries สตาร์ทอัพเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เพื่อพัฒนาระบบ AI สำหรับต่อต้านการโจมตีด้วยโดรน
ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ OpenAI ในการเข้าสู่ ‘ธุรกิจสงคราม’ และเป็นการร่วมมือครั้งแรกระหว่าง OpenAI กับผู้ผลิตอาวุธเชิงพาณิชย์
OpenAI ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.20 ล้านล้านบาท) เคยห้ามไม่ให้ใช้ AI ในด้านการทหาร แต่ในเดือนมกราคมได้เปลี่ยนนโยบาย โดยอนุญาตให้มีความร่วมมือกับกองทัพได้ในบางโครงการ
แม้ว่า OpenAI จะยังคงห้ามใช้เทคโนโลยีในอาวุธโจมตี แต่ก็ได้ทำข้อตกลงกับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และโครงการอื่นๆ
บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ก็มีท่าทีเช่นเดียวกัน โดยอ้างว่าสหรัฐฯ ต้องปฏิบัติต่อเทคโนโลยี AI เป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของชาติในการต่อต้านจีน
OpenAI จะนำเทคโนโลยีของตนไปใช้ในซอฟต์แวร์ระบบต่อต้านโดรนของ Anduril ซึ่งจะช่วยปรับปรุงความแม่นยำและความเร็วในการตรวจจับและตอบสนองต่อโดรน
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้เชื่อมโยง OpenAI กับผู้นำเทคโนโลยีบางคนที่สนับสนุนอดีตผู้นำสหรัฐฯ เช่น Palmer Luckey ผู้ร่วมก่อตั้ง Anduril
ความร่วมมือระหว่าง Anduril และ OpenAI อาจช่วยป้องกัน Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI จากปฏิกิริยาเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นจาก Elon Musk ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์ Altman และฟ้องร้อง OpenAI ซึ่ง Altman กล่าวว่า เขาไม่คิดว่า Musk จะใช้สายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอดีตผู้นำสหรัฐฯ เพื่อทำลายคู่แข่ง
“มันจะเป็นการต่อต้านสหรัฐฯ อย่างร้ายแรง ที่จะใช้อำนาจทางการเมืองในระดับที่ Elon มี เพื่อทำร้ายคู่แข่งของคุณ ผมไม่คิดว่าผู้คนจะทนกับเรื่องนั้นได้ ผมไม่คิดว่า Elon จะทำแบบนั้น” Altman กล่าว
Anduril เป็นผู้นำในการผลักดันให้สตาร์ทอัพขายระบบไฮเทคที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อแทนที่รถถังและเฮลิคอปเตอร์โจมตีแบบเดิมๆ ซึ่ง Brian Schimpf ซีอีโอของ Anduril กล่าวว่า การเพิ่มเทคโนโลยี OpenAI ในระบบของ Anduril จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานทางทหารและหน่วยข่าวกรองตัดสินใจได้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้นในสถานการณ์ที่มีแรงกดดันสูง
Anduril ซึ่งมีมูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.76 แสนล้านบาท) เป็นหนึ่งในไม่กี่สตาร์ทอัพด้านกลาโหมที่ประสบความสำเร็จ โดยในเดือนพฤศจิกายน Anduril ประกาศสัญญามูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.8 พันล้านบาท) เพื่อจัดหาระบบต่อต้านโดรนให้กับนาวิกโยธินสหรัฐฯ
ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีเชื่อว่าความขัดแย้งในอนาคตจะขึ้นอยู่กับระบบอัตโนมัติขนาดเล็กที่ขับเคลื่อนด้วย AI จำนวนมาก เพื่อโจมตีและป้องกัน AI มีความสำคัญมากขึ้นสำหรับการควบคุมโดรนหลังจากการเพิ่มขึ้นของสงครามอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งใช้เครื่องรบกวนเพื่อปิดกั้นสัญญาณ GPS และความถี่วิทยุที่โดรนใช้ในการบิน
การก้าวเข้าสู่ธุรกิจการป้องกันประเทศเปิดแหล่งรายได้ใหม่สำหรับ OpenAI ซึ่งต้องการพัฒนาจากห้องปฏิบัติการที่ไม่แสวงหาผลกำไร ไปสู่ผู้นำในอุตสาหกรรม AI ที่สร้างรายได้ เนื่องจากต้นทุนในการพัฒนาและใช้งานโมเดล AI นั้นสูงมาก และ OpenAI ขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี
อ้างอิง:
