9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเลือก ทักษิณ ชินวัตร ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 หลังพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง 248 เสียง และถือเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่อยู่ครบวาระครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
หลังรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทักษิณประกาศคำมั่นสัญญาไว้ว่า
“…ผมจะไม่ยอมทำหน้าที่เป็นเพียงผู้นำตามกฎหมายเท่านั้น ผมจะขอเป็นผู้นำที่นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศไทย เพื่อประเทศไทยที่ดีขึ้น พี่น้องที่เคารพครับ ผมจะขอทำหน้าที่เป็นรัฐบาลที่ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย เป็นรัฐบาลที่จะทุ่มเททำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต”
หลังอยู่จนครบวาระ พรรคไทยรักไทย ซึ่งนำโดย ทักษิณ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 21 โดยคว้าที่นั่งรวมกันมากถึง 377 ที่นั่ง ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ที่นั่งในสภาเพียง 96 ที่นั่ง พรรคชาติไทย 25 ที่นั่ง และพรรคมหาชน 2 ที่นั่ง ทำให้ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย
แม้รัฐบาลไทยรักไทย 2 จะมีเสถียรภาพทางการเมืองจนฝ่ายค้านไม่สามารถยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 แต่กลับพบกับแรงต้านในสภาและการชุมนุมนอกสภาจากกรณีที่บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขายหุ้นให้กองทุนเทมาเส็กของรัฐบาลสิงคโปร์เป็นเงิน 73,300 ล้านบาท ในเดือนมกราคม 2559 สุดท้ายรัฐบาลไทยรักไทย 2 จึงสามารถบริหารประเทศได้เพียง 11 เดือน ก่อนจะต้องตัดสินใจยุบสภาในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549