อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะถึงวันเข้าฉายภาพยนตร์ One For The Road ผลงานเรื่องล่าสุดของ บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ที่มีกำหนดการเข้าโรงในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2022 แต่ก่อนที่เราจะได้ดูหนังกันนั้น THE STANDARD POP ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับฉากประกอบภาพยนตร์ที่กลายมาเป็นค็อกเทลบาร์ใจกลางเมืองย่านพร้อมพงษ์ ที่มีชื่อเดียวกันกับภาพยนตร์ว่า OFTR หรือ One For The Road แห่งนี้กันก่อน
ในซอยสุขุมวิท 31 เป็นที่ตั้งของอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น ที่มีความเกี่ยวพันกับหนังอยู่ทุกอณู เพราะภายในตึกมีทั้ง Houseton ที่เป็นโปรดักชันเฮาส์, FICS คาเฟ่สำหรับคนรักหนัง, Poster District แกลเลอรีจำหน่ายโปสเตอร์ภาพยนตร์
และล่าสุดกับ OFTR อัปสเกลไดฟ์บาร์บริเวณชั้นล่าง ที่มีจุดเริ่มต้นเมื่อปี 2020 จากการที่ทีมงานต้องเซ็ตอัพฉากสำหรับภาพยนตร์ One For The Road ขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากไม่สามารถเดินทางไปถ่ายทำที่นิวยอร์กได้เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ณ ขณะนั้น และเมื่อถ่ายทำเสร็จสมบูรณ์กลับรู้สึกเสียดายฉากดังกล่าว เลยต่อยอดให้กลายเป็นบาร์จริงๆ ไปเลย
ผู้กำกับภาพยนตร์ One For The Road ซึ่งเป็นจุดกำเนิดบาร์แห่งนี้ คือ บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ จาก Countdown (2012) และ ฉลาดเกมส์โกง (2017) โดยผลงานล่าสุด One For The Road ที่กำลังจะเข้าฉายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2022 ได้รับความร่วมมือจาก หว่องกาไว มารับตำแหน่งผู้อำนวยการผลิต จึงคาดหวังได้เลยว่าหลังจากชม One For The Road เรียบร้อยแล้ว การแวะมาที่ OFTR Bar จะช่วยเติมเต็มอรรถรสของหนังและซิกเนเจอร์ค็อกเทลแต่ละแก้วได้อย่างแน่นอน
นอกจากบาสแล้ว ที่นี่มีกลุ่มเพื่อนฝูงและครอบครัวเป็นหุ้นส่วนอีกหลายคน แถมยังมีอีกหนึ่งหุ้นส่วน (ไม่) ลับที่แค่ได้ยินชื่อก็ต้องร้องว้าว เพราะไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน นอกจากหนึ่งในทีมสร้าง One For The Road อย่างหว่องกาไวนั่นเอง
หลายคนคงเคยได้ยินหรือผ่านตากันมาบ้างกับ ‘กระทำความหว่อง’ วลีคุ้นหูที่เป็นกระแสนิยมในช่วงหนึ่ง ซึ่งชวนให้นึกถึงบรรยากาศยามค่ำคืนที่ดูหม่นและเงียบเหงา เจือโทนสีเหลืองๆ แดงๆ ที่เปรียบเหมือนลายเซ็นของผู้กำกับชื่อดัง เราอดนึกถึงวลีนั้นไม่ได้ทันทีที่เดินเข้ามาที่นี่ เพราะบรรยากาศอบอวลไปด้วยความหว่องในแบบที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความจริงๆ
บาร์โค้งครึ่งวงกลมเป็นซีนดำเนินเรื่อง เรื่อยไปจนถึงโซฟาข้างตู้ปลาที่ชวนนั่งทอดสายตาพร้อมค็อกเทลแก้วโปรดในมือ หากมาเป็นกลุ่มก็ยังมีมุมข้างตู้โทรศัพท์ให้นั่งเอกเขนกสบายใจ หากโต๊ะด้านในเต็ม หน้าร้านก็มีโต๊ะพร้อมม้านั่งยาวให้นั่งชิลเสมือนอยู่ใจกลางย่านแมนฮัตตันข้างบันไดลงซับเวย์ และถ้าแวะเวียนมาที่นี่ช่วงวันพฤหัสบดี-เสาร์ ก็มีดนตรีสดเสริมบรรยากาศอีกด้วย
รายละเอียดการตกแต่งของที่นี่ยังได้หว่องกาไวมาเป็นผู้คอยกำกับแนะนำ หากสังเกตให้ดีก็จะพบ Easter Egg จากภาพยนตร์ฝีมือของเขาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นกระจกเงาท้ายรถที่ให้บรรยากาศของมุมกล้องแบบหนังหว่อง ที่มักจะทำให้ผู้ชมรู้สึกว่ากำลังแอบดูความเป็นไปของตัวละครต่างๆ, โมเดลเครื่องบินที่พระเอกถือใน Chungking Express ก็ซ่อนอยู่ในตู้ปลา หรือเสาร้านที่แขวนนาฬิกาแบบเดียวกับ In the Mood for Love
ด้วยความเป็นภาพยนตร์ในทุกรายละเอียด เมนูของที่นี่ก็ถูกออกแบบให้เหมือนบทภาพยนตร์ รวมถึงค็อกเทลซิกเนเจอร์ของที่ถือเป็นพระเอกหลักของที่นี่ ก็ล้วนแต่เกี่ยวพันกับ One For The Road ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บอกเล่าและตีความฉากที่สำคัญหรือตัวละคร
เริ่มตั้งแต่ดริงก์แรก WKW (420 บาท) ที่ได้โจทย์จากตัวหว่องกาไวเองให้ครีเอตค็อกเทลอะไรก็ได้ที่มีเหล้าสมุนไพรคัมพารีเป็นองค์ประกอบ และในที่สุดก็ตกผลึกเป็นเนโกรนีทวิสต์ เลือกเบสด้วยเบอร์เบินกลิ่นใบชารมควัน ตามด้วยเชอร์รีไวน์อินฟิวส์กับเก๊กฮวย เหล้าสมุนไพร และคัมพารี ทุกจิบเต็มไปด้วยความซับซ้อนของกลิ่นและรสชาติ มาพร้อมกับคุกกี้เสี่ยงทาย
ซีนแรกของ One For The Road หลังจากที่อู้ด (ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์) จิบค็อกเทลมาได้แล้วสองแก้ว บอส (ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร) บาร์เทนเดอร์ก็ทำ After The Rain (360 บาท) ในความเป็นจริงเราแนะนำให้เริ่มต้นหรือปิดท้ายด้วยดริงก์นี้ เพราะจิบแล้วได้ความสดชื่นเต็มๆ เหมือนบรรยากาศหลังฝนตก วอดก้าเบสค็อกเทลแก้วนี้ถูกทำให้มีความละมุนด้วยนมกับมะนาว รวมถึงมินต์ โรสแมรี และไซรัปมะลิ สดชื่นตั้งแต่จิบแรกจนถึงหยดสุดท้าย
New York Sour in New York City (280 บาท) ดริงก์นี้พาให้เราวาร์ปไปที่ย่าน Lower East Side อยู่ในซีนที่ตัวละครหลัก บอสถามอู๊ดว่าค็อกเทลแก้วโปรดของเขาคือตัวไหน และได้รับคำตอบเป็นคำถามย้อนกลับถึงค็อกเทลโปรดของบอสว่าใช่ New York Sour หรือไม่ แก้วนี้ยังคงวนเวียนกับเบอร์เบิน ทวิสต์มาจาก New York Sour โดยเปลี่ยนจากไวน์แดงเป็นไวน์ขาว และเสริมรสชาติให้ดื่มง่ายยิ่งขึ้นด้วยเหล้าแอปเปิ้ลกับแอปเปิ้ลไซรัป
หลังจากที่อู๊ดถามบอสกลับ บอสเฉลยว่าค็อกเทลโปรดของเขา คือ Wrong Island Iced Tea (390 บาท) ซึ่งพลิกแพลงมาจาก Long Island ยังคงเบสเหล้า 4 ตัว นั่นคือ เตกีลา รัม จิน และเหล้าส้ม แล้วเปลี่ยนเหล้าตัวที่ห้าจากวอดก้าเป็นเหล้ามินต์ แล้วท็อปด้วยรูทเบียร์กับน้ำมะนาวแทนที่จะเป็นโคล่า และด้วยความที่เป็นแก้วโปรดของบาร์เทนเดอร์ซึ่งเป็นตัวละครหลักในภาพยนตร์ จึงเสิร์ฟมาในเชกเกอร์แทนแก้วค็อกเทลธรรมดา
ซีนที่สอง บาร์เทนเดอร์อีกคนหนึ่งเปิดฝาเบียร์แล้วจุ่มพรวดลงแก้วทรงสูง Basement Michelada (250 บาท) เบียร์ค็อกเทลที่ผสมซอสพริกศรีราชา พริกสด มะนาว และน้ำตาล รสชาติอาจไม่คุ้นลิ้นคนไทยสักเท่าไร แต่หากคุณดู One For The Road จบแล้ว เราอยากให้มาลองดูสักตั้ง
ที่นี่เกิดขึ้นมาด้วยแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ ซึ่งเราเชื่อว่าหากคุณยิ่งได้ดูหนังแล้วแล้วจะยิ่งอินเพิ่มมากขึ้นแน่ๆ แต่นอกเหนือจากนั้น หากคุณเป็นคนชอบค็อกเทล ชอบฟังเพลง ชอบบรรยากาศของบาร์ดีไซน์เท่ๆ เจือด้วยบรรยากาศความเหงา (ที่มาแล้วไม่เหงาแน่นอน) เราเชื่อว่า OFTR จะกลายเป็นบาร์โปรดที่ใหม่ของคุณได้ไม่ยากเลยจริงๆ
OFTR Bar
Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.00-23.00 น.
Address: ซอยสุขุมวิท 31
Budget: 500-1,000 บาท
Tel: 0 2004 2429
Website: https://www.instagram.com/oftr.bar
Map: