×

เล่าความหลัง รื้อความทรงจำกับนูโว และการรวมกันเพื่อคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดในรอบ 30 ปี ‘NUVO NOW or NEVER CONCERT’

โดย THE STANDARD TEAM
25.09.2019
  • LOADING...
Nuvo

HIGHLIGHTS

7 MINS. READ
  • ช่วงรวมตัวทำวงดนตรีที่โรงเรียนศรีวิกรณ์ ก่อนใช้ชื่อวง Nuvo ทั้ง 6 คนเคยใช้ชื่อว่า ‘วงไฮสกูล’ มาก่อน
  • เพลง บอกยังงั้นยังงี้เลย เป็นภาคต่อของเพลง ไม่เป็นไรเลย ในอัลบั้มแรก ชุด เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เกิดเลย
  • ศิลปินที่ Nuvo ยกให้เป็นนักร้อง-นักดนตรีในดวงใจ ที่ฟังเพลงของเขาเหล่านี้เมื่อไรก็รู้สึกเท่ในยุคนั้น ได้แก่ ป้อม-อัสนี โชติกุล, เต๋อ-เรวัต พุทธินันท์, ธเนศ วรากุลนุเคราะห์, ชัคกี้ ธัญญรัตน์, ปานศักดิ์ รังสิพราหมณกุล และวงแกรนด์เอ็กซ์
  • NUVO NOW or NEVER CONCERT เป็นคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปีของ Nuvo ที่นำเอาเพลงฮิตเก่าๆ มารวมไว้มากที่สุดตั้งแต่ Nuvo เคยมีคอนเสิร์ตมา

เสียงประสานเพลง เก็บไว้ให้เธอ ดังก้องเข้าหูทันทีตั้งแต่ประตูลิฟต์เปิด เราเดินเข้ามาเจอทั้ง 6 สมาชิกของ Nuvo ในท่าทีสบายๆ เดินร้องเพลงพลางถ่ายรูปเล่นกันตามประสาเพื่อนผู้ชายที่สนิทกันมานาน ภาพแรกที่เราเห็นคือ โจยืนกอดคอก้องเพื่อถ่ายรูปวิวตึกระฟ้าด้านหลังด้วยโทรศัพท์มือถือ พลางตะโกนเรียกเพื่อนอีก 4 คนมาถ่ายด้วยกัน เพิ่งเข้าใจก็วันนี้ว่าการนั่งอยู่ท่ามกลางนักดนตรีที่ดังมาอย่างยาวนานอย่าง Nuvo มันรู้สึกแบบไหน

 

บทสนทนาแบบไร้สคริปต์ที่เราได้ยินระหว่างที่พวกเขาคุยกันเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าวงดนตรีที่สมบูรณ์แบบจำเป็นต้องมีมิตรภาพ เพราะต่อให้คุณเป็นนักร้องที่ร้องเพลงดีที่สุดเป็นนักดนตรีที่ฝีมือดีแค่ไหน คุณก็คงไม่สามารถรักษารอยยิ้มและเสียงหัวเราะอันเป็นธรรมชาติร่วมกันได้ หากไร้ซึ่งความเป็นเพื่อนแท้ ซึ่งนั่นเองที่ทำให้เรายังเห็น Nuvo ยังคงเล่นดนตรี และมีคอนเสิร์ตด้วยกันอยู่ตลอด จนมาถึงคอนเสิร์ตที่กำลังจะเกิดขึ้นในปลายปีนี้อย่าง ‘NUVO NOW or NEVER CONCERT’ และถึงแม้ Nuvo ในวันนี้จะผ่านการเล่นดนตรีร่วมกันมานานกว่า 30 ปีก็ตามแต่ ทันทีที่ทุกคนหย่อนตัวลงนั่งล้อมวงคุยกัน พวกเขากลับทำให้เรารู้สึกเหมือนได้กลับไปฟังเด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่สนิทกันมากๆ นั่งคุยกันถึงสิ่งเดียวกันที่พวกเขารักมาตลอดนั่นก็คือ ‘ดนตรี’

 

Nuvo

 

จุดเริ่มต้นที่ทำให้ Nuvo กลับมารวมตัวอีกครั้งเพื่อเล่นคอนเสิร์ต NUVO NOW or NEVER CONCERT

ก้อง: จริงๆ เราก็ไม่รู้สึกเหมือนเราแยกย้ายกันไปไหนไกลเลยครับ อย่างน้อยเดือนหนึ่งเราก็จะมีคอนเสิร์ตที่นั่นที่นี่ด้วยกันเดือนละ 4-5 งาน มันเลยทำให้เราได้เจอกันตลอด แต่ด้วยความที่ Nuvo เองก็ห่างหายจากเวทีคอนเสิร์ตใหญ่ๆ มาหลายปีพอสมควรแล้ว ปีนี้เลยน่าจะถึงแก่เวลาที่เหมาะสมพอดี เพราะ Nuvo ทำเพลงด้วยกันมา 30 กว่าปีแล้ว

 

นี่น่าจะเป็นคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปีของ Nuvo เลยไหม

โจ: จริงๆ จะว่าเป็นคอนเสิร์ตครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ได้นะ ครั้งนี้เรารวมเพลงฮิตของ Nuvo ไว้มากที่สุด และเป็นคอนเสิร์ตที่จุคนมากที่สุดถึง 2 รอบ

 

ก้อง: ครั้งนี้นอกจากเราเอาเพลงฮิตของ Nuvo มารวมไว้เยอะที่สุดแล้ว เรายังมีการทำดนตรีใหม่เพื่อเพิ่มสีสันและลูกเล่นต่างๆ แต่จะเป็นการนำกลับมาทำใหม่ในรูปแบบที่ยังคงกลิ่นดนตรีเก่าเอาไว้ด้วย ดังนั้นรับรองว่าทุกคนยังร้องตามได้ และยังเอ็นจอยกับเพลงโปรดของทุกคนอย่างแน่นอน

 

ตั้งแต่เล่นคอนเสิร์ตมา มีสมาชิก Nuvo คนไหนอยากทำอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำบนเวทีคอนเสิร์ตแล้วยังไม่ได้บ้างหรือเปล่า

จอห์น: Nuvo ยังไม่เคยแต่งหญิงขึ้นเวที แล้วผมก็คิดว่ามันไม่น่าจะเหมาะ (หัวเราะ)

 

โจ: อย่างคอนเสิร์ตอัลบั้มแรกๆ เราเคยขายกล้วยทอดกันด้วยนะ แล้วก็เคยขึ้นสลิงเพื่อลอยตัวลงมาตอนเปิดตัว โอ้โห สีข้างนี่แสบไปตามๆ กัน แต่ด้วยความที่วงดนตรีในแบบของ Nuvo มันทำให้เราไม่สามารถทำอะไรที่แฟนตาซีได้มากนัก เพราะเราต้องถือเครื่องดนตรีไปด้วย ดังนั้นจะอย่างที่ก้องบอกเลยว่าเราต้องซัดให้เต็มที่ในเรื่องของดนตรีและแสง สี เสียงแทน ซึ่งทีมงานทีมนี้ผมมั่นใจว่าเขาสามารถทำให้เพลงเก่าๆ ของ Nuvo กลับมานำเสนอให้ลงตัวและน่าฟังในรูปแบบของปี 2019 ได้อย่างไม่ผิดหวังแน่นอน

 

จำได้ไหมว่าเพลงแรกๆ ที่ซ้อมวงด้วยกันเป็นเพลงอะไร

จอห์น: เพลงที่ชอบซ้อม ตอนทำวงชื่อเพลง You May Be Right เป็นเพลงของ บิลลี โจเอล (Billy Joel) ส่วนเพลงชื่อ ยังไม่เสร็จ (หัวเราะ) เป็นเพลงที่เราแต่งกันเองเพื่อเอาไว้ซ้อมด้วยกัน ซึ่งตอนยังไม่เป็น Nuvo นะ จำได้ไหม แล้วก็จะมีเพลงหนึ่งชื่อ 50 บาท (ทุกคนหัวเราะร่วนยามคุยกันถึงวันวานตอนเริ่มทำวง Nuvo) เพลง 50 บาท นี่เป็นเพลงจังหวะสนุกๆ แต่งขึ้นเรื่องความจน อยากรวย อยากยิ่งใหญ่

 

โจ: ตอนนั้นสนุกมากเพราะมันยังเป็นเทปโครเมียมอันเล็กๆ อัดได้แค่ 4 แทร็ก เราก็อัดเพลงกันสนุกสนาน อะไรๆ มันยังไม่ทันสมัยเหมือนยุคนี้

 

แล้วยุคนี้ล่ะ สมาชิก Nuvo ฟังเพลงของศิลปินหน้าใหม่ใครกันบ้าง

ใหม่: ถ้ายุคนี้ผมชอบ Polycat ครับ

 

ก้อง: ผมชอบ ทอย ธันวา ผมว่าแนวเพลงเขาแปลกใหม่และมันดีครับ Paradox ก็ชอบครับ

 

ปีเตอร์: ส่วนผมชอบ Instinct ผมชอบดนตรีร็อกของเขาที่เอาเปียโนมาผสมผสานแล้วมันลงตัวและมีเอกลักษณ์

 

สุ: ผมชอบความร็อกของ Blackhead

 

โจ: ผมชอบ 25hours ผมว่าวงนี้มีกลิ่นดนตรีเฉพาะตัวที่ไม่เลียนแบบใคร เขามีของเขาเองเลย เสียงร้องยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะมหัศจรรย์มากอยู่แล้ว แต่สีสันในการใส่กีตาร์เป็นอะไรที่ติดหู นอกจากนี้ก็มีชอบ Slot Machine กับ Cocktail ครับ แต่เพลงช้าๆ ผมยกให้เพลงของ แพรว คณิตกุล ผมชอบคอร์ดดนตรีเพลงช้าของเขา คนเลือกคอร์ดเลือกออกมาสละสลวย ฟังแล้วรู้สึกว่าเป็นประโยชน์กับคนทำดนตรีมาก

 

จอห์น: ที่เพื่อนพูดมานี่ใช่หมดเลย แต่ส่วนตัวแล้วผมชอบวง Imagine Dragons ชอบที่เขาเอาความร็อกมาผสมกับป๊อปได้อย่างไม่ขาดไม่เกิน ทำได้ดีมากๆ

 

Nuvo

 

Nuvo เล่นคอนเสิร์ตมาเยอะมาก เคยมีคนตีกันไหม มีเหตุการณ์ไหนในคอนเสิร์ตที่ลืมไม่ลงบ้าง

ก้อง: ยกให้ฟังสักเหตุการณ์แล้วกันนะครับ ตอนนั้นเราเพิ่งออกอัลบั้มแรกแล้วต้องไปเล่นคอนเสิร์ตที่จังหวัดยะลา สมัยนั้นจะเป็นคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่ต่างจังหวัดก็มักจะจัดที่หน้าศาลากลางบ้าง ที่สนามกีฬาบ้าง ซึ่งเขาก็จะมีการล้อมรั้วชั่วคราวแล้วขายบัตร คอนเสิร์ตนั้นน่าจะจุคนได้สักประมาณ 3,000 คน แต่วันนั้นคนมากันเป็นหมื่น มันก็เลยทำให้รั้วที่กั้นพังลงมา เหตุการณ์ชุลมุน เพราะคนที่อยู่ในรั้วก็ถูกคนที่จะมาดูข้างนอกเบียดเข้ามาอีกเราเล่นได้สัก 2-3 ก็เริ่มมีก๋วยเตี๋ยวราดหน้าปาใส่กัน จากนั้นก็เริ่มมีทหารมากันเราอยู่ข้างหน้าเวที เหตุการณ์มันเลยเริ่มจะไม่ใช่คอนเสิร์ต วันนั้นเล่นกันไปแค่ 5 เพลงก็เป็นอันต้องเลิกครับ (หัวเราะ)

 

สุ: เหตุการณ์ไม่ลืมของผมนี่น่าจะตอนอัลบั้ม 2 ไปเล่นคอนเสิร์ตที่ต่างจังหวัดนี่แหละ ตอนนั้นเล่นเสร็จแล้วก็มานั่งพักที่ห้องรับรอง ปกติเวลาไปเล่นก็มีน้องๆ ที่ชื่นชอบขึ้นมาขอถ่ายรูป ตอนนั้นก็มีน้องคนหนึ่งขึ้นมา ผมก็เปิดประตูต้อนรับตามปกติ แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งตามขึ้นมา ซึ่งเขาเอาปืนชี้มาที่เรา เพราะคิดว่าผมพาเด็กเขาขึ้นห้อง ไอ้เรายืนอยู่ไกลๆ ก็ดันสายตาสั้นคิดว่าที่ชี้มาคือนิ้ว ผมก็ตะโกนเถียงเขาไปว่า “พี่ผมไม่เกี่ยวเลย น้องเขาขึ้นมาเอง” สรุปมารู้ทีหลังว่าที่ชี้มาน่ะคือปืน เขาไม่ยิงก็บุญแล้ว ถ้ารู้ก่อนคงไม่กล้าตะโกนอะไรกลับไปหรอกครับ

 

โจ: ผมขอเล่าเรื่องดีๆ บ้างเนอะ (หัวเราะ) อีกครั้งที่ลืมไม่ลงเลยคือการได้ไปเล่นคอนเสิร์ตที่ Hammersmith Town Hall ที่ลอนดอน ตอนนั้นเป็นครั้งที่ 2 ที่ Nuvo ได้ไปเล่นที่อังกฤษ จำได้ว่าฮอลล์มันใหญ่มากแล้วคนไทยมารวมอยู่ที่นั่นเยอะมากๆ บางคนไม่ได้อยู่ลอนดอนแต่เดินทางมาจากเมืองรอบนอกเพื่อมาดูพวกเรา ภาพคอนเสิร์ตนั้นมันตรึงใจผมจนวันนี้ฟีลลิ่งแบบเราร้องเพลงอยู่ต่างแดน แต่คนไทยมารวมอยู่ด้วยกันที่นี่ ช่วยกันร้องเพลงดังมาก อากาศก็ดี มันถูกที่ถูกเวลามากสำหรับผม

 

จอห์น: ของผมที่จังหวัดขอนแก่น ตอนนั้นที่อัลบั้ม 2 เรากำลังเล่นเพลง คึกคัก คักคึก แล้วจู่ๆ ไฟก็ดับพรึ่บ เสียงดนตรีหายไป เหลือแค่เสียงกลองอย่างเดียว แต่ตอนนั้นเราก็ยังเล่นกันต่อไปเรื่อยๆ เพราะแฟนๆ ร้องเพลงต่อเราจึงไม่ยอมให้เพลงล่ม จนสักพักพอไฟกลับมาทั้งดนตรี ทั้งเนื้อร้อง มันกลับเข้าเพลงได้อย่างสมูทมาก ผมประทับใจเพราะเราเองก็เชื่อมาตลอดว่าการเป็นนักดนตรีที่ดีเพลงจะล่มไม่ได้

 

ปีเตอร์: ใช่ครับ เราจะถือคติว่าจะผิดก็ได้ แต่ห้ามล่ม

 

“ความเป็นเพื่อนคือเราต้องเตือนกันได้ทุกเรื่อง ก้องก็เตือนผมเยอะ เราต้องเตือนกันได้ตั้งแต่เรื่องดนตรียันเรื่องไปส่งลูกที่โรงเรียนตอนเช้า”

Nuvo

 

งั้นเล่าถึงความประทับใจของ Nuvo ที่มีต่อแฟนคลับหน่อย

จอห์น: ผมมีน้องแฟนคลับคนหนึ่งชื่อน้องนุช เขาจะเขียนโปสต์การ์ดมาหาทุกวัน จนรวมๆ แล้วประมาณ 1,300 กว่าฉบับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมประทับใจนะ เวลาอ่านเราไม่ได้รู้สึกเรากำลังสื่อสารอยู่กับคนคนหนึ่ง แต่มันเชื่อมโยงเหมือนเราได้สื่อสารกับแฟนคลับ Nuvo ของเราทั้งหมด เหมือนเวลาที่ผมร้องเพลงให้คนหมื่นคนฟังกับร้องเพลงให้คนคนเดียวฟัง สำหรับผมค่ามันเหมือนกัน มันเลยฟีลลิ่งแบบนั้น

 

ก้อง: สมัยก่อนแฟนเพลงจะนิยมพับนกมาให้ใส่ขวดโหลมาเป็นพันๆ ตัว แล้วนกมันตัวเล็กมาก เขาใช้ความอุตสาหะเยอะมากนะกับการทำมาให้เรา ผมค่อนข้างประทับกับความตั้งใจพวกนี้

 

เล่าถึงความประทับใจของ Nuvo ที่มีต่อกันเองในวงบ้าง

โจ: เรา 6 คนผ่านอะไรด้วยกันมาและอยู่ด้วยกันมาจนรู้สึกถึงกันได้หมด มองหน้ากันไม่ว่าจะทุกข์แค่ไหนขึ้นเวทีก็ยังเหมือนเดิม จะสุขแค่ไหนขึ้นเวทีก็ยังเหมือนเดิม ผมจะถูกใครทิ้งมา จะร้องไห้กับก้องกี่ครั้ง พอขึ้นร้องเพลงด้วยกันมันก็ยังต้องเหมือนเดิม เราผ่านความร็อกแอนด์โรลด้วยกันมาเยอะ แต่ความเป็นเพื่อนคือเราต้องเตือนกันได้ทุกเรื่อง ก้องก็เตือนผมเยอะ เราต้องเตือนกันได้ตั้งแต่เรื่องดนตรียันเรื่องไปส่งลูกที่โรงเรียนตอนเช้า

 

สุ: การเล่นดนตรีและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมันเหมือนผัวเมีย มีแบ่งรับแบ่งสู้เป็น ต้องเติมความสุขกันได้ ต้องแบ่งความทุกข์กันด้วย มันต้องแบบนั้น

 

จอห์น: ผมว่ามันคือครอบครัว มันไม่ใช่แค่เราต้องเล่นดนตรีด้วยกัน แต่ผมว่ามันคือคำว่า Friendship

 

ตั้งแต่ทำวงดนตรีด้วยกัน จนออกอัลบั้มผ่านมา 30 กว่าปี เรื่องไหนบ้างที่ Nuvo รู้สึกว่า ‘เวลาก็ทำอะไรพวกคุณไม่ได้’

ก้อง: ผมว่าเรื่องดนตรีนี่แหละครับที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่เคยแก่ เพราะเอาจริงๆ ดนตรีมันก็คือดนตรี มันไม่มีข้อจำกัดของอายุ เหมือนนักดนตรีเก่งๆ ที่ไม่ว่าเขาจะแก่แค่ไหนถ้าเขามาเวิลด์ทัวร์ที่เมืองไทย ผมก็ยังจะไปดูอยู่ดี ดังนั้นไม่ว่าเราจะอายุ 50, 60, 70 ถ้ายังเล่นไหว ยังมีคนฟังอยากฟัง มันก็คงทำให้เราได้เสพเสียงเพลงไปพร้อมๆ กันได้

 

“มันท้าทายพอสมควรนะที่เราจะหยิบเอาเหตุการณ์ในอดีตมาเกิดขึ้นในปัจจุบัน บางครั้งการที่เราได้ฟังเพลงเก่าที่เราชอบในเวอร์ชันใหม่ๆ มันอาจจะจุดประกายอะไรใหม่ๆ ในคนคนเดิมก็เป็นไปได้”

Nuvo

 

อยากให้ Nuvo เล่าถึงเพลงที่แต่ละคนชอบเล่นที่สุดเวลาขึ้นคอนเสิร์ต และเพราะอะไร

โจ: จริงๆ ทุกคนน่าจะมีเพลงที่ชอบแหละ แต่สิ่งที่ชอบที่สุดเวลาเราเล่นคอนเสิร์ตมันมักจะขึ้นอยู่กับฟีดแบ็กตรงหน้าจากคนฟังด้วย ถ้าช่วยกันร้อง ช่วยกันเต้น ผมว่าเราจะชอบมันได้หมดทุกเพลงเลย

 

ก้อง: สำหรับผมถ้าเพลงที่ชอบของ Nuvo ผมชอบ ปล่อยไปตามลม ชอบความเรียบง่ายแต่ฟังดีไม่ซับซ้อน แต่ถ้าเพลงที่ชอบเวลาได้เล่นคอนเสิร์ต ผมชอบ ลืมไปไม่รักกัน กับ โง่งมงาย เพราะมันมีท่อนที่ผมกับโจได้โซโล่กันไปโซโล่กันมา มันชอบคนละแบบ

 

ใหม่: ผมชอบเพลงช้าๆ ที่จอห์นร้อง บอกอย่างงั้นอย่างงี้เลย คือเล่นกี่ทีก็ไม่มีผิดหวังเพราะมันคนชอบมาก

 

จอห์น: ผมชอบ สุดสุดไปเลย กับ สัญชาตญาณบอก ผมว่ามีท่อนให้กีตาร์โซโล่ คีย์บอร์ดโซโล่ แค่คิดถึงมันก็สนุกแล้ว มันมีความกลมกล่อมและอร่อยในตัวเพลง

 

ปีเตอร์: ส่วนผมผมเป็นคนชอบเพลงช้ามากกว่าเพลงเร็ว ผมชอบ ทำได้หรือเปล่า ชอบเสียงเปียโนที่เรียบง่ายแต่เพราะมาก

 

การกลับมาเล่นคอนเสิร์ตด้วยกันครั้งนี้ ในฐานะคนที่จะขึ้นเล่น มันแตกต่างจากตอนขึ้นคอนเสิร์ตครั้งแรกที่เวทีโลกดนตรีเมื่อ 30 ปีก่อนอย่างไรบ้าง

โจ: ความตื่นเต้นตอนจะขึ้นเล่นกี่ครั้งมันก็ยังตื่นเต้นเหมือนเดิมนะแต่ ณ วันนี้ความเอาอยู่มันต้องมีมากขึ้น สมัยก่อนหากผิดเล็กผิดน้อยเรารู้เองในใจอาจจะเกิดขึ้นบ้างนิดหน่อย แต่คอนเสิร์ตใหญ่ๆ แบบนี้มันจะมีไม่ได้เราเลยต้องซ้อมกันหนักและทุ่มเทมากๆ เพราะมันควรจะออกมาสมบูรณ์แบบและดีที่สุด

 

อยากให้เกริ่นถึงแขกรับเชิญพิเศษที่จะมาแจมใน NUVO NOW or NEVER CONCERT ครั้งนี้

โจ: ตอนนี้มีคนหนึ่งแน่ๆ ล่ะที่ฮือฮาและเซอร์ไพรส์แฟนๆ Nuvo ได้แน่นอนเพราะทุกคนต้องคาดไม่ถึง แต่นอกจากนี้ก็ยังมีคนอื่นๆ ที่อยู่ในช่วงระหว่างการคุยกันอยู่ อยากให้เชื่อมั่นว่าไม่ผิดหวังครับ ทุกอย่างมีเพิ่มขึ้นมาได้เรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันโชว์เลย

 

ความคาดหวังของ Nuvo กับคอนเสิร์ต NUVO NOW or NEVER CONCERT ในครั้งนี้ล่ะ

โจ: เราไม่หวังอะไรมากนอกจากได้คนดูเอ็นจอย ถึงเวลาเต้นขอให้เห็นว่าทุกคนมีความสุขที่ได้เต้น ถึงเวลาร้องเพลงช้าๆ ขอให้ได้เห็นว่าทุกคนอินที่จะร้องไปด้วยกัน ผมว่าคนเล่นคอนเสิร์ตมีความสุขที่สุดแล้วกับสิ่งเหล่านี้

 

จอห์น: สำหรับผม ผมรู้สึกว่ามันท้าทายพอสมควรนะที่เราจะหยิบเอาเหตุการณ์ในอดีตมาเกิดขึ้นในปัจจุบัน บางครั้งการที่เราได้ฟังเพลงเก่าที่เราชอบในเวอร์ชันใหม่ๆ มันอาจจะสร้างสิ่งใหม่ๆ และจุดประกายอะไรใหม่ๆ ในคนๆ เดิมก็เป็นไปได้ It’s the same song but you can become a new person.

 

Nuvo

 

สุดท้ายอยากให้ฝากถึงคอนเสิร์ต NUVO NOW or NEVER CONCERT

จอห์น: ที่มาของชื่อ NOW or NEVER CONCERT มันคือการสื่อว่าไม่ดูไม่ได้ ด้วยองค์ประกอบทุกอย่าง ทั้งการทำเพลงทั้งความทุ่มเทในการซ้อมดนตรี ผมบอกเลยว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้มันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวที่สุดจริงๆ ของ Nuvo

 

โจ: ผมเชื่อว่าวงดนตรีถ้าไม่มีแฟนเพลงมันอยู่มาไม่ได้ถึง 30 กว่าปีหรอก ดังนั้นคอนเสิร์ต NUVO NOW or NEVER CONCERT ในครั้งนี้จะเป็นวาระใหม่ในรอบ 30 ปีที่น่าจะทำให้แฟนๆ ทุกคนหวนคิดถึงความรู้สึกดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นตลอด 30 ปีที่ผ่านมาระหว่างเราครับ

 

ก้อง: คอนเสิร์ตครั้งนี้พวกเราตั้งใจทำ ตั้งใจซ้อมกันมาก น่าจะเป็นคอนเสิร์ตที่เราเอาเพลงเก่าเพราะๆ มาทำดนตรีใหม่เยอะที่สุดตั้งแต่มี Nuvo มาเลย เชื่อว่าจะเป็น 2 ชั่วโมงที่แฟนๆ ทุกคนจะมีความสุขและสนุกแน่นอนครับ

 

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising