×

ภารกิจสร้างตำนานของ โนวัค โยโควิช ในศึกวิมเบิลดัน ครั้งที่ 135

04.07.2023
  • LOADING...
โนวัค โยโควิช

เทนนิสแกรนด์สแลมรายการที่ 3 ของปี ในศึกวิมเบิลดัน 2023 ซึ่งเป็นการจัดแข่งขันครั้งที่ 135 ในประวัติศาสตร์ 146 ปีของแกรนด์สแลมคอร์ตหญ้ารายการนี้ และด้วยความเก่าแก่เกือบศตวรรษครึ่ง แน่นอนว่าการแข่งขันที่ออลอิงแลนด์คลับรายการนี้คือแกรนด์สแลมที่เก่าแก่ที่สุดด้วย

 

โดยในปีนี้สปอตไลต์ในช่วงก่อนการแข่งขันส่วนใหญ่ส่องไปยัง โนวัค โยโควิช นักเทนนิสมือวางอันดับสองของโลกชาวเซอร์เบีย ที่มีโอกาสสร้างตำนานบทใหม่ในการแข่งขันรายการนี้ ถึงขั้นที่จะขึ้นมาทาบสถิติแชมป์ติดต่อกันมากที่สุดตลอดกาลของ บียอร์น บอร์ก และ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เคยทำไว้ที่ 5 สมัย

 

โนวัค โยโควิช

 

อันที่จริงแล้วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีคำกล่าวที่ว่า “นอกจากชุดขาวและสตรอว์เบอร์รีแอนด์ครีม โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ คืออีกหนึ่งสัญลักษณ์ของวิมเบิลดัน” แต่หลังจากที่ ‘เฟดเอ็กซ์’ วางมือไปจากการเล่นเทนนิส สถิติที่เคยยั่งยืนของเขาที่ยุคหนึ่งว่ากันว่าจะไม่มีใครทำลายลงได้ ก็กำลังจะถูกท้าทายโดยนักหวดชาวเซิร์บวัย 36 ปี

 

มีเหตุผลมากมายที่ทำให้เฟเดอเรอร์ได้ขึ้นชื่อว่า ‘ราชาคอร์ตหญ้า’ หรือ King of Grass แต่เหตุผลสำคัญที่ทำให้ ‘คิงโรเจอร์’ ได้รับการยอมรับให้เป็นเจ้าแห่งพื้นหญ้าคือ สถิติอันยอดเยี่ยมของเขาในวิมเบิลดัน เขาลงเล่นในวิมเบิลดันระหว่างปี 1999-2021 ลงแข่งขัน 119 แมตช์ ชนะ 105 แพ้ 14 คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ชนะถึง 88% เข้าชิงไปทั้งหมด 12 ครั้ง มากที่สุดตลอดกาล

 

แต่สถิติสำคัญที่สุดคือ การคว้าแชมป์วิมเบิลดันไปทั้งหมด 8 ครั้ง ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ที่ออลอิงแลนด์คลับมากที่สุดในบรรดานักเทนนิสชายของยุคโอเพน นอกจากนี้เขายังคว้าแชมป์ต่อเนื่องติดต่อกันยาวนาน 5 สมัยระหว่างปี 2003-2007 ซึ่งยาวนานที่สุดเทียบเท่า บียอร์น บอร์ก อดีตนักเทนนิสมือหนึ่งของโลกชาวสวีเดนที่เคยคว้าแชมป์รายการนี้ได้ 5 สมัยติดเช่นกันระหว่างปี 1976-1980

 

แต่สถิตินั้นกำลังถูกท้าทายโดยโยโควิชที่ปัจจุบันคว้าแชมป์วิมเบิลดันไปแล้ว 7 สมัย และคว้าแชมป์ต่อเนื่องกันมาแล้ว 4 สมัย โดยว่ากันว่าโยโควิชอาจทำสถิติทาบเฟเดอเรอร์ไปแล้วก็ได้ถ้าการแข่งขันแกรนด์สแลมคอร์ตหญ้ารายการนี้ไม่ถูกยกเลิกไปในปี 2020 หลังมีการแพร่ระบาดของโควิด

 

 

นั่นทำให้ศึกวิมเบิลดัน ครั้งที่ 135 ในปีนี้ มีประวัติศาสตร์เป็นเดิมพันก็ว่าได้

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเริ่มมีการถกเถียงกันระหว่างนักวิเคราะห์เทนนิสและคอลัมนิสต์สายลูกสักหลาดว่า โยโควิชอาจเป็นผู้เล่นคอร์ตหญ้าที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการเทนนิสชาย เหตุผลที่ถูกหยิบยกมาสนับสนุนแนวคิดนี้คือ ในช่วงที่เฟเดอเรอร์เรืองอำนาจบนคอร์ตหญ้า เขายังไม่มีโยโควิชเป็นคู่แข่ง แต่เหตุผลดังกล่าวก็โดนหักล้างด้วยแนวคิดที่ว่า เมื่อ ‘โนเล’ พีคขึ้นมา มันคือช่วงเวลาโรยราและเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บของเฟดเอ็กซ์เช่นกัน

 

และเหตุผลสำคัญที่สุดที่ฝ่ายยกย่องเฟเดอเรอร์ใช้ยืนยันว่า อดีตนักหวดชาวสวิสคือนักเทนนิสที่เล่นในคอร์ตหญ้าดีที่สุดในประวัติศาสตร์คือ การที่เขาได้แชมป์มากกว่า และเป็นแชมป์ต่อเนื่องมากกว่าโยโควิช

 

ดังนั้นหากโยโควิชได้แชมป์วิมเบิลดันในปีนี้ เขาก็จะกลายเป็นนักเทนนิสชายที่คว้าแชมป์วิมเบิลดันได้ 8 สมัย และคว้าแชมป์ติดต่อกันมาแล้ว 5 สมัย พร้อมกันนี้สถิติดังกล่าวจะส่งผลต่อเนื่องให้น้ำหนักของการได้แชมป์ในออลอิงแลนด์คลับมากกว่าของเฟเดอเรอร์หายไปทันที และการถกเถียงกันว่า ‘ใครเป็นผู้เล่นคอร์ตหญ้าที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการเทนนิสชาย?’ จะกลับมาร้อนแรงอีกครั้งอย่างแน่นอน

 

นอกจากนั้นแล้วการได้แชมป์ที่วิมเบิลดันของโยโควิชหากมันเกิดจริงก็หมายความว่า เขาจะต้องคว้าชัยชนะในรอบชิงชนะเลิศประเภทชายเดี่ยวที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 กรกฎาคม 2023 และนั่นจะทำให้เขากลายเป็นนักเทนนิสชายที่คว้าแชมป์วิมเบิลดันโดยที่มีอายุมากที่สุดด้วยวัย 36 ปี 54 วัน

 

สถิติเดิมในการเป็นนักเทนนิสที่คว้าแชมป์วิมเบิลดันด้วยวัยมากที่สุดแน่นอนว่าเป็นของ ‘คิงโรเจอร์’ เขาทำได้ด้วยการปราบ มาริน ซิลิช ในรอบชิงชนะเลิศ วิมเบิลดัน 2017 โดยในตอนนั้นเขาอายุ 35 ปี 342 วัน ซึ่งหมายความว่า นี่จะเป็นอีกหนึ่งสถิติของเฟเดอเรอร์ที่ถูกทำลายลงด้วย หาก โยโควิช ได้แชมป์

 

อย่างไรก็ตาม เฟเดอเรอร์ ยังเหลืออีก 1 สถิติเกี่ยวกับอายุ คือการที่เป็นนักเทนนิส อายุมากที่สุดที่เข้าชิงชนะเลิศ ที่ วิมเบิลดัน ได้ ด้วยวัย 37 ปี 340 วัน หลังเคยเข้าไปชิงชนะเลิศในปี 2019 ก่อนพ่ายต่อ โยโควิช ในปีนั้น ซึ่งหาก ‘โนเล่’ จะทำลายสถิตินี้ เขาต้องยังเล่นอยู่และเข้าชิงชนะเลิศในวิมเบิลดัน ปี 2025 ให้ได้

 

ขณะที่สถิติหนึ่งที่ยากจะทำลายมากๆ ของเฟเดอเรอร์คือ การที่เขาคว้าชัยในศึกวิมเบิลดันต่อเนื่องในแมตช์ที่มีการลงแข่งขันในวิมเบิลดันยาวนานถึง 40 แมตช์ เป็นรองเพียงแค่ บียอร์น บอร์ก เจ้าของสถิติมากที่สุดตลอดกาลที่ทำสถิติไว้ที่ 41 แมตช์ ซึ่งสถิติของเฟดเอ็กซ์ถูกหยุดไว้โดย ราฟาเอล นาดาล ในรอบชิงชนะเลิศ วิมเบิลดัน ปี 2008 ในแมตช์สุดคลาสสิกตลอดกาลเกมหนึ่งของวงการเทนนิส

 

 

ปัจจุบันโยโควิชมีสถิติคว้าชัยต่อเนื่องที่ 28 แมตช์ในวิมเบิลดัน นั่นหมายความว่า ต่อให้เขาได้แชมป์ในศึกแกรนด์สแลมคอร์ตหญ้าในปีนี้ ตัวเลขของเขาก็จะอยู่ที่ 35 แมตช์เท่านั้น ซึ่งเขาต้องคว้าแชมป์ในปี 2024 ให้ได้อีก 1 สมัย เพื่อทำลายสถิตินี้ (หากเขาต้องการ)

 

ขณะที่สถิติสำคัญที่สุด หากเขาคว้าแชมป์แกรนด์สแลมวิมเบิลดันในปีนี้ได้ เขาจะทำสถิติคว้าแชมป์แกรนด์สแลมมากที่สุด 24 รายการ ตัวเลข 24 นี้หากดูผิวเผินเหมือนจะไม่สำคัญ เพราะปัจจุบันเขาเป็นนักเทนนิสชายที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้มากที่สุดอยู่แล้วที่ 23 สมัย แต่นั่นคือสถิติเฉพาะนักเทนนิสชายเท่านั้น

 

 

นักเทนนิสที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้มากที่สุดตลอดกาลเธอมีนามว่า มาร์กาเร็ต คอร์ต ปัจจุบันเธออายุ 80 ปีแล้ว แต่ตำนานของเธอยังถูกเล่าขานอยู่ตลอด จากการที่เป็นนักเทนนิสที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมมากที่สุด 24 สมัย จากออสเตรเลียนโอเพน 11 สมัย, เฟรนช์โอเพน 5 สมัย, วิมเบิลดัน 3 สมัย และยูเอสโอเพน 5 สมัย

 

นอกจากนี้แล้ว มาร์กาเร็ต คอร์ต ยังครองสถิติที่ไม่น่าจะมีใครทำลายได้ตลอดกาลนั่นคือ การคว้าแชมป์ทั้งอาชีพไปถึง 192 รายการ โดยนักเทนนิสที่ยังเล่นอยู่ปัจจุบันที่ได้แชมป์มากที่สุดคือโยโควิช ซึ่งแม้จะครองแชมป์มากที่สุดแล้ว แต่ก็ได้ไปเพียง 94 รายการเท่านั้น (ห่างกันเกือบร้อย!)

 

ดังนั้นการได้แชมป์วิมเบิลดันปีนี้จะส่งผลให้โยโควิชได้แชมป์แกรนด์สแลมรายการที่ 24 ซึ่งจะทำให้เขาได้แชมป์แกรนด์สแลมสูงสุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์เทนนิสเทียบเท่ากับ มาร์กาเร็ต คอร์ต ทันที โดยเขายังทำมันได้สำเร็จในยุคโอเพน ซึ่งว่ากันว่ายากกว่าก่อนยุคโอเพนมากทีเดียว

 

สำหรับคนที่ติดตามช่องทางออนไลน์ของโยโควิชอย่าง Instagram หรือ Twitter จะดูเหมือนเขา ‘เอาฮา’ ก่อนการแข่งขันวิมเบิลดันจากโพสต์มากมาย แต่อันที่จริงแล้วนักหวดมือสองของโลกรายนี้หมายมั่นปั้นมืออย่างมากที่จะคว้าแชมป์รายการนี้

 

โดยก่อนการแข่งขันโยโควิชออกมายอมรับว่า ตัวเขาเป็นคนที่กระหายความสำเร็จและอยากได้แชมป์รายการนี้ โดยกล่าวว่า “แม้จะมีแชมป์แกรนด์สแลม 23 รายการแล้ว แต่ผมไม่รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเลย พูดตามตรงผมยังรู้สึกกระหายในความสำเร็จ ต้องการแกรนด์สแลมมากขึ้น และยังต้องการความสำเร็จกับเทนนิสมากขึ้น

 

“ตราบใดที่มีผมยังแรงผลักดัน ผมรู้ว่าผมสามารถแข่งขันในระดับสูงสุดได้ หากเป็นเช่นนั้นผมเดาว่าคงต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ต่างออกไปและมีแนวทางที่ต่างออกไป

 

“ไม่กี่วันหลังจากโรลังด์การ์รอส ผมก็คิดถึงการเตรียมตัวในคอร์ตหญ้าและสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว ฤดูกาลเทนนิสนั้นไม่ได้ให้เวลาคุณมากพอที่จะไตร่ตรองหรือเพลิดเพลินอย่างแท้จริง

 

“หากคุณต้องการมีโอกาสและได้เล่นรายการระดับแกรนด์สแลมให้มากขึ้น คุณต้องรักษาสมาธิและความทุ่มเทนั้นไว้ นั่นคือสิ่งที่ผมเป็นอยู่ในตอนนี้

 

“แน่นอนส่วนหนึ่งของผมภูมิใจมากและตื่นเต้นมากที่ได้อยู่ในตำแหน่งนี้และมีแชมป์แกรนด์สแลม 23 รายการ หลังจากนี้ผมอยากทุ่มเทเต็มที่ในทุกโอกาสที่ได้เล่นในแต่ละสแลม ผมรู้ว่าอาจมีเวลาเหลือไม่มาก แต่ผมยังมีร่างกายที่ดี ยังรู้สึกมีแรงผลักดัน และยังเล่นเทนนิสได้ดีมาก ผมจะพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อให้มีแชมป์แกรนด์สแลมมากขึ้น”

 

โนวัค โยโควิช

 

โดยงานของโยโควิชในวิมเบิลดันปีนี้ไม่ยากเกินไปนัก โดยเขาจะไปเจองานยากเลยก็ในรอบก่อนรองชนะเลิศที่อาจต้องดวลกับ อังเดรย์ รูเบลฟ จากรัสเซีย ขณะที่ในรอบรองฯ ก็มีโอกาสพบ คาสเปอร์ รุด ดาวรุ่งจากนอร์เวย์ และในรอบชิงชนะเลิศซึ่งอาจจะเป็น ‘ดรีมไฟนอลส์’ ของใครหลายๆ คนที่อาจได้พบกับ การ์รอส อัลการาซ

 

สำหรับแฟนๆ เทนนิส เราคงทำได้แค่รอดูกันว่า ประวัติศาสตร์หน้าใหม่หลายๆ อย่างจะถูกเขียนขึ้นโดยคนที่ชื่อว่า โนวัค โยโควิช ในวิมเบิลดันครั้งนี้ได้หรือไม่?

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising