×

สิ่งที่เปลี่ยนนักกีฬาจาก ‘ยอดเยี่ยม’ เป็น ‘ยิ่งใหญ่’

30.01.2023
  • LOADING...
โนวัค ยอโควิช

22, 10, 1 คือตัวเลขของ โนวัค ยอโควิช หลังจบการแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียนโอเพน แกรนด์สแลมแรกของปี 2023 ที่เมลเบิร์นพาร์ก ในนครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวานที่ผ่านมา ซึ่งตัวเลขทั้งหมดบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของเขาได้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

22 แกรนด์สแลมมากที่สุดตลอดกลาลเทียบเท่า ราฟาเอล นาดาล

 

10 ครั้งที่เขาชูถ้วยนอร์แมน บรูกส์ ชาเลนจ์โทรฟี มากกว่าตำนานร่วมรุ่นอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ถึง 4 สมัย และมากกว่าตำนานในยุคอเมเจอร์ อย่าง รอย เอเมอร์สัน ถึง 4 สมัยเช่นกัน

 

 

และการกลับขึ้นเป็นนักเทนนิสหมายเลข 1 ของโลก แซงหน้า คาร์ลอส อัลคาราซ การ์เฟีย นักหวดรุ่นน้อง พร้อมกับยืดสถิติการเป็นนักเทนนิสชายที่ครองตำแหน่งหัวแถวในโลกลูกสักหลาดเป็นสัปดาห์ที่ 373 ซึ่งยาวนานที่สุดตลอดกาล โดยทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เพิ่มเป็น 63 สัปดาห์ และทิ้ง ราฟาเอล นาดาล ซึ่งเป็นอันดับที่ 2 ในบรรดานักเทนนิสที่ยังเล่นอยู่เพิ่มเป็น 172 สัปดาห์ด้วย

 

ลำพังแค่ตัวเลขเหล่านี้ โดยยังไม่ต้องไปมองถึงฟอร์มการเล่นก็เป็นเรื่องยากมากที่จะปฏิเสธว่า ‘โนเล่’ ไม่ใช่นักเทนนิสที่ ‘ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล’ หรือที่ถูกเรียกในภาษาอังกฤษว่า ‘The Greatest of All Time’ ที่ถูกย่อว่า ‘The GOAT’ และยิ่งเมื่อมองไปที่ฟอร์มการเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้ ที่เขาเสียเซ็ตไปแค่ 1 เซ็ตในเกมที่พบกับ เอ็นโซ แควกคูด์ นักหวดชาวฝรั่งเศส โดยมีสาเหตุมาจากอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังด้วยแล้ว ยิ่งเรียกได้ว่าฟอร์มของยอโควิชในศึกเอโอปีนี้ ‘เหนือชั้น’ อย่างแท้จริง

 

คำถามที่น่าสนใจหลังการคว้าแชมป์ออสเตรเลียนโอเพนของยอโควิชคือ ‘อะไรที่ทำให้นักเทนนิสวัย 35 ปีรายนี้ กลายเป็นนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของวงการ?

 

ในบรรดากีฬาต่างๆ ที่ผ่านหูผ่านตามากว่า 2 ทศวรรษ ทำให้เห็นคุณสมบัติร่วมบางอย่างที่นักกีฬาผู้ได้สมญานามว่า ‘The GOAT’ (The Greatest of All Time) หลายคนมีเหมือนกัน เห็นจะมีอยู่ไม่กี่อย่าง และในตัวของโนเล่ก็มีคุณสมบัติเหล่านั้นอยู่อย่างครบถ้วน ไม่ขาดตกบกพร่อง

 

ทักษะที่ยอดเยี่ยม

 

 

คงยากจะปฏิเสธว่า ‘คิงออฟเมลเบิร์น’ รายนี้ ไม่ใช่นักเทนนิสที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่ง เท่าที่วงการเทนนิสเคยพบเจอ แม้จะไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเทนนิสที่เล่นได้อย่างตื่นเต้น เร้าใจ อย่างที่ แอนดี ร็อดดิก อดีตมือ 1 ของโลกชาวอเมริกัน หรือ ราฟาเอล นาดาล ราชาคอร์ตดินชาวสแปนิช แต่เขาก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเทนนิสที่เล่นเกมรับได้ดีที่สุด มีทักษะการรีเทิร์นลูกที่น่าอัศจรรย์ เปลี่ยนสถานการณ์จากรับเป็นรุกได้อย่างสม่ำเสมอ และแม้บางครั้งที่เราเห็นจังหวะที่เขา ‘ฆ่าคู่แข่งไม่ตาย’ จากโอกาสการสแมชปิดเกม หรือการยิงใส่คอร์ตโล่งๆ แต่ในทางกลับกัน เขาก็เป็นนักเทนนิสที่ถูกเบรกเกมเสิร์ฟยากที่สุด และสตาร์หลายคนที่เคยเล่นกับเขาก็ต่างยอมรับว่า การเอาแต้มจากนักหวดเลือดเซิร์บรายนี้ยากยิ่งกว่ายาก

 

นั่นคือสิ่งที่แสดงออกถึงทักษะที่ยอดเยี่ยมของยอโควิชมาตลอดเส้นทางการเล่นเทนนิส และเขาก็ไม่เคยหยุดที่จะลับความแหลมคมและทักษะเหล่านั้น จากการฝึกซ้อมอันสม่ำเสมอ ที่มาจากวินัยอันสุดยอดอย่างแท้จริง

 

ในโลกเทนนิส มีนักเทนนิสจำนวนไม่มากที่ถูกยกย่องเรื่องความมีวินัยในการฝึกซ้อมและดูแลตัวเอง และผู้ที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของเรื่องนี้มีไม่กี่คน เช่น ราฟาเอล นาดาล ที่ถูกยกย่องว่าเป็นผู้ที่มีวินัยในการฝึกซ้อมมากที่สุด, โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ผู้เคยถูก ‘คิงออฟเคลย์’ ที่เป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่ง ยกย่องเรื่องตารางการฝึกซ้อมที่เคร่งครัด, ดานิล เมดเวเดฟ นักเทนนิสชาวรัสเซียที่ถูก แอนดี ร็อดดิก ยกย่องไว้ในสารคดี เบรค พอยท์ ของ Netflix ว่า “เป็นหนึ่งในนักเทนนิสที่มีวินัยดีที่สุดของวงการอย่างที่ไม่ได้เจอมานาน” และแน่นอนว่า ต้องมีชื่อของยอโควิชอยู่ในบรรดานักเทนนิสเหล่านี้ด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่าบรรดานักเทนนิสเหล่านี้ ทั้งหมดล้วนเคยขึ้นสู่ตำแหน่งนักหวดลูกสักหลาดหมายเลข 1 ของโลกมาแล้วทั้งสิ้น

 

ในส่วนของยอโควิช นอกจากวินัยในการฝึกซ้อมแล้ว เขายังให้ความสำคัญกับการฝึกฝนเรื่องอื่นๆ นอกจากตารางการฝึกซ้อมเทนนิสตามรูทีนของตัวเองด้วย โดย ‘โนเล่’ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเทนนิสที่มีกล้ามเนื้อที่น่าอัศจรรย์ที่สุด อันมาจากความยืดหยุ่นและแข็งแกร่งที่เขาสร้างขึ้น จนบางครั้งเรียกได้ว่าเหนือกว่าข้อจำกัดของกล้ามเนื้อคนปกติ และทั้งหมดล้วนมาจากการฝึกซ้อมและฝึกฝน

 

 

 
 
 
 
 
ดูโพสต์นี้บน Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

โพสต์ที่แชร์โดย Novak Djokovic (@djokernole)

 

โยโควิชกับการฝึกฝนแอเรียลโยคะในท่าสไปเดอร์แมน

 

หนึ่งในภาพจำของความยืดหยุ่นเหนือกปกติของยอโควิช มาจากการสไลด์ตัวตีบอลที่ถูกเรียกว่า ‘สไปเดอร์แมนช็อต’ ในศึกดูไบดิวตีฟรีเทนนิสแชมเปียนชิป รอบรองชนะเลิศ ที่พบกับ กาแอล มงฟิล์ส จนทางเอทีพีทัวร์ยังเอามาทำคลิปล้อเลียนขำๆ ว่า ‘สไลเดอร์แมน’

 

 

 

เอทีพีเอาท่าสไปเดอร์แมนช็อตของยอโควิชมาทำคลิปล้อเลียน

 

ช็อตดังกล่าวมาจากทักษะเทนนิสที่ยอดเยี่ยมผสมกับร่างกายอันยืดหยุ่น ที่ถูกเขาสร้างขึ้นมาจากการเล่นโยคะ, แอเรียลโยคะ และพิลาทิส ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนทำให้ร่างกายของเขายืดหยุ่นเกินขีดจำกัดของนักกีฬาเทนนิสโดยทั่วไป และกลายเป็นหนึ่งในอาวุธประจำตัวอันยอดเยี่ยมที่ไม่มีใครเลียนแบบได้ และความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อนี้เอง ที่มันยังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บน้อยกว่านักเทนนิสคนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกันทั้ง โรเจอร์, ราฟา รวมถึงเพื่อนสนิทอย่าง แอนดี เมอร์เรย์ อีกด้วย

 

แน่นอนว่าการโปรแกรมเพิ่มประเภทโยคะ หรือพิลาทีสอย่างจริงจังเข้าไปในโปรแกรมซ้อมไม่ใช่เรื่องที่นักเทนนิสโดยทั่วไปจะทำกันเป็นปกติ เพราะมันกินเวลาอื่นๆ ในชีวิตของพวกเขา แต่กับคนที่มีวินัยและฝักใฝ่ความสำเร็จอย่างยอโควิช เขาคิดแล้วว่ามันคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป เพื่อที่จะช่วยให้เขากลายเป็นนักกีฬาที่ยอดเยี่ยม และเขาก็เพิ่มโปรแกรมเหล่านี้เข้าไปในการฝึกซ้อมอย่างเต็มใจ

 

จะเห็นได้ว่าการได้มาซึ่งทักษะอันยอดเยี่ยมของนักหวดหมายเลข 1 ของโลกชาวเซิร์บรายนี้ ไม่ได้มีมาเพียงเพราะมีแค่พรสวรรค์อันโดดเด่นเท่านั้น แต่ยังต้องมาพร้อมกับความทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนัก และการเสียสละเวลาส่วนตัวกว่าที่เขาจะมาถึงจุดนี้ได้

 

จิตใจที่แข็งแกร่ง

 

 

คงไม่ต้องเล่าย้อนแล้วว่าปี 2021 โนวัค ยอโควิชเจอกับดราม่านอกสนามที่หนักหนาสาหัสเกี่ยวกับการไม่รับวัคซีนโควิดอย่างไรบ้าง

 

ด้วยสาเหตุนั้นทำให้ ‘โนเล่’ ลงแข่งขันในศึกเอทีพีทัวร์ปีก่อนได้เพียงแค่ 12 รายการเท่านั้น เพราะในหลายประเทศยังไม่เปิดรับคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิดเข้าประเทศ โดยเฉพาะในออสเตรเลีย รวมไปถึงสหรัฐอเมริกาและแคนาดา จนทำให้เขาพลาดการลงแข่งขันในรายการที่มีคะแนนสะสมมากกว่า 1,000 คะแนนไปมากถึง 6 รายการ

 

แต่ถึงอย่างนั้น เขากลับไปถึงรอบตัดเชือกของทัวร์นาเมนต์ที่เขาสามารถลงทำการแข่งขันได้ถึง 8 จาก 12 รายการที่เขาลงแข่งขันในปีที่ผ่านมา และคว้าแชมป์ได้ถึง 5 รายการ ซึ่งนี่เป็นบทพิสูจน์ที่ยอดเยี่ยมว่า เขารับมือกับแรงกดดันนอกสนาม รวมไปถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้ดีแค่ไหน

 

มาในศึกเทนนิสเอโอปีนี้ โนเล่ก็ยังไม่วายที่จะมีดราม่านอกสนามอีกรอบ เมื่อพ่อของเขาอย่าง เซอร์ดาน ยอโควิช ไปถ่ายรูปกับกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จนกลายเป็นประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันอีกครั้ง จนถึงขั้นที่ทางยูเครนเรียกร้องให้ถอดชื่อยอโควิชออกจากการแข่งขัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาสามารถตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างใจเย็น และมีสมาธิในการแข่งขัน จนสุดท้ายก็คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ

 

เรื่องทั้งหมดพิสูจน์ได้ดีถึงสภาพจิตใจอันมั่นคงและแข็งแกร่งของเขา ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่นักกีฬาผู้ยิ่งใหญ่ต้องมี และหากเขาไม่มีคุณสมบัติข้อนี้ก็คงไม่สามารถมาถึงจุดนี้ได้ 

 

เพราะเราก็ได้เห็นตัวอย่างนักเทนนิสหลายคนที่มีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจจนส่งผลต่อฟอร์มการเล่นมาแล้ว ทั้ง เอ็มมา ราดูคานู หรือ นาโอมิ โอซากะ ที่มีปัญหาในการรับมือกับเรื่องนี้ ขณะที่ในฝ่ายชาย ก็มีทางด้าน นิค คีร์กอส ที่เจอกับปัญหาด้านสภาพจิตใจเช่นกันในฤดูกาล 2021 จนมีข่าวลือว่าเขาอาจจะเลิกเล่นเทนนิสไปเลยทีเดียว

 

นักกีฬาผู้ยิ่งใหญ่หลายคนล้วนแต่ต้องเคยพบเจอกับปัญหาดราม่านอกสนามทั้งสิ้น อาทิ ทอม เบรดี ที่ในฤดูกาล 2016 เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดคดีปล่อยลมบอลในเกมชิงแชมป์สาย AFC ปี 2015 จนโดนแบน 4 เกมช่วงต้นฤดูกาล และต้องเจอกับคำถามมากมาย แต่สุดท้ายในปีนั้นเขาพานิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการพาทีมคัมแบ็กใส่ แอตแลนตา ฟอลคอนส์ 34-28 ทั้งที่ตามไปก่อนถึง 3-28 

 

หรือ ลิโอเนล เมสซี ที่ถูกตัดสินว่าจงใจเลี่ยงภาษีในเดือนกรกฎาคม 2017 และถูกลงโทษให้รอลงอาญาจำคุก 21 เดือน พร้อมปรับ 250,000 ยูโร ทว่าในปีนั้นเมสซีก็พาบาร์เซโลนาคว้าดับเบิลแชมป์ฟุตบอลสเปน ทั้งลาลีกาและโกปา เดล เรย์ได้สำเร็จ

 

ดังนั้น นอกจากการรับมือกับความกดดันในสนามแล้ว การรับมือกับความกดดันจากชีวิตส่วนตัวก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักกีฬาชั้นยอด กลายเป็นนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ อย่างยากจะปฏิเสธเช่นกัน

 

ความคลั่งไคล้ในสิ่งที่ตัวเองรัก

 

 

“ผมยังอยากเล่นเทนนิสอยู่ แม้ว่าผมจะประสบความสำเร็จเกือบทุกอย่างที่คุณจะทำได้ในการเล่นเทนนิส แต่ผมยังมีความปรารถนาและความกระหายที่จะเล่นในระดับอาชีพอย่างสูงที่สุด”

 

ลำพังแค่ประโยคนี้ ที่ โนวัค ยอโควิช กล่าวไว้เมื่อช่วงปลายฤดูกาล 2022 ก่อนเริ่มรายการเลเวอร์คัพ ก็อาจจะอธิบายความคลั่งไคล้ และความต้องการทั้งหมดของเขาที่จะทำหลังจากนี้ได้แล้ว แต่นั่นอาจจะสั้นเกินไปจะสรุปว่าเขาคลั่งไคล้ในกีฬาเทนนิสที่เขารักมากขนาดไหน

 

อันที่จริงการทุ่มเทเวลาหลายชั่วโมงต่อวันไปกับการฝึกซ้อมและลงแข่งขันเทนนิส ของยอโควิช แบบที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว ก็อาจจะพออธิบายได้เยอะแล้วว่า ความคลั่งไคล้ในสิ่งที่เขารักนั้นมากมายแค่ไหน

 

พฤติกรรมเหล่านี้ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับที่นักกีฬาชั้นยอดอีกหลายคนในหลากหลายชนิดกีฬาที่ทุ่มเทให้กับกีฬาที่เขารัก 

 

ทอม เบรดี (อีกแล้ว) ที่ยอมปรับพฤติกรรมการกิน การนอน การใช้ชีวิต เพื่อจะเล่นอเมริกันฟุตบอลระดับสูงไปให้นานที่สุด แม้จะต้องแยกทางกับภรรยาอย่าง จิเซล บุนเชน เขาก็ยังยืนยันที่จะเล่นมันต่อไป หรือ เลอบรอน เจมส์ ที่ลงทุนจ้างทีมงานดูแลร่างกายปีละ 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 50 ล้านบาท เพื่อที่จะช่วยให้เขาเล่นบาสเกตบอลได้นานที่สุด

 

แต่สิ่งที่ตอกย้ำว่าเขารักเทนนิสมากมายขนาดไหน ก็เพิ่งถูกตอกย้ำในคำให้สัมภาษณ์หลังการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเทนนิสออสเตรเลียน ที่เขาเอาชนะ สเตฟานอส ซิตซิปาส ไปได้ 3 เซ็ตรวดเมื่อคืนที่ผ่านมา

 

ยอโควิชกล่าวว่า “ผมอยากจะจบด้วยการบอกว่า กรีซ​ (ประเทศบ้านเกิดของ ซิตซิปาส) และเซอร์เบีย ของพวกเราเป็นเพียงประเทศเล็กๆ ที่ไม่ได้มีวัฒนธรรมเทนนิส เราไม่ได้มีนักกีฬาที่เป็นต้นแบบของเรา ผมคิดว่าข้อความที่ผมอยากจะส่งต่อไปถึงนักเทนนิสเยาวชนจากทั่วโลกคือ ฝันให้ไกลจนถึงจุดที่เรายืนกันอยู่ตรงนี้ ฝันว่าอะไรก็เป็นไปได้ และไม่ให้ใครมาแย่งฝันของคุณไป

 

“ไม่ว่าคุณจะมาจากไหน ผมคิดว่าการมีชีวิตที่ยากลำบากในวัยเด็ก คุณจะเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่แข็งแกร่งมากเท่านั้น และเราคือตัวอย่างของความเชื่อนี้ อย่าให้ใครมาแย่งความฝันของคุณไป เติมพลังให้กับความฝันของคุณเหมือนกับการรดน้ำต้นไม้ แม้ว่าคุณหาคนที่สนับสนุนคุณได้เพียงคนเดียวบนโลก ฝันให้ไกล และวันหนึ่งคุณก็จะไปถึง”

 

ข้อความเหล่านี้ นอกจากจะแสดงให้เห็นว่าเขารักกีฬาชนิดนี้ แม้มันจะไม่ใช่กีฬาหลักในชาติของเขาแล้ว เขายังอยากจะส่งต่อความฝันและพลังไปยังนักเทนนิสรุ่นต่อๆ ไป เพื่อให้โลกนี้มีคนที่เล่นกีฬาชนิดนี้มากขึ้น และกลายเป็นกีฬาที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางอีกด้วย

 

ในความจริงแล้ว อาจจะมีเหตุผลอีกหลายข้อที่ทำให้ โนวัค ยอโควิช เป็นนักเทนนิสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล แต่เชื่อว่าเหตุผล 3 ข้อนี้ก็พอที่จะบรรยายความแตกต่างระหว่างเขากับนักกีฬาชั้นยอดทั่วไปได้ ไม่มากก็น้อย 

 

ภาพประกอบ: ฉัตรชัย เฉยชิต

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising