สร้างความประหลาดใจไม่น้อย หลังจากที่เกาหลีเหนือมีท่าทีผ่อนปรนและยอมที่จะเจรจาเรื่องยุติการทดสอบและพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์ของประเทศ ร่วมกับเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าการประชุมจะจัดขึ้นช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ลดแรงปะทะของทั้งสองฝ่ายลงได้ไม่มากก็น้อย
การตัดสินใจและท่าทีดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากมหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและการปรับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน โดยรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ส่งคณะผู้แทนเดินทางเยือนกรุงเปียงยางของเกาหลีเหนือเป็นเวลาสองวัน ภายหลังจากการแข่งขันโอลิมปิกปิดฉากลง เพื่อปูทางและเปิดโอกาสที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายร่วมโต๊ะเจรจา ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาถือเป็นที่น่าพอใจ โดยเผยว่าผู้นำเกาหลีเหนือต้องการให้เกิดความมั่นคงขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลี
ในแถลงการณ์ระบุอย่างชัดเจนว่า “เกาหลีเหนือมีความเต็มใจที่จะยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ โดยได้เน้นย้ำว่า เกาหลีเหนือไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บอาวุธนิวเคลียร์ไว้ หากภัยคุกคามทางทหารที่มีต่อประเทศถูกกำจัดไป และมีหลักประกันด้านความมั่นคงให้กับเกาหลีเหนือ ซึ่งรัฐบาลโสมแดงยินดีที่จะเจรจาและปรับความสัมพันธ์ทางการทูตในกลับสู่ระดับปกติกับสหรัฐอเมริกา”
หลังจากที่รับรู้แถลงการณ์ร่วมของเกาหลีทั้งสองประเทศ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ทวีตข้อความถึงเหตุการณ์ดังกล่าวระบุว่า “นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ทุกฝ่ายต่างเฝ้าจับตาสถานการณ์นี้อย่างจริงจัง แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวเป็นสัญญาณที่ดี สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อโลกใบนี้”
แต่อย่างไรก็ตามทางด้านทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ประกาศเตือนให้ระมัดระวังและรอบคอบมากยิ่งขึ้น เนื่องจากตลอดระยะเวลากว่า 27 ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ เฝ้าพยายามที่จะเจรจาในประเด็นขีปนาวุธนิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือมาโดยตลอด แต่สุดท้ายความพยายามก็ไร้ผล เกาหลีเหนือฉีกสัญญาและไม่ทำตามข้อตกลงที่ได้ให้ไว้กับสหรัฐฯ เลย
ด้านนายอิสึโนริ โอโนเดระ (Itsunori Onodera) รัฐมนตรีกลาโหมของญี่ปุ่น ชี้ว่า นี่เป็นสัญญาณเชิงบวกแต่ก็อดเป็นกังวลไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์ก็จะวนกลับไปตรงจุดที่เกาหลีเหนือฉีกสัญญาอย่างที่เคยเป็นมา โดยเขาหวังว่าความสัมพันธ์อันดีของเกาหลีทั้งสองประเทศจะมีส่วนช่วยทำให้เกาหลีเหนือตัดสินใจยุติโครงการขีปนาวุธนิวเคลียร์ในที่สุด
Photo: AFP
อ้างอิง:
