นั่งรถไฟ (ฟ้า) ไปสะพานควาย ชิมรสอำเภอฝาง กิ๋นข้าวแลงที่ ‘ครัวเหนือ’

หากพูดถึงร้านอาหารใต้หรืออีสานในกรุงเทพฯ เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ใช้เวลาไม่นานก็นึกชื่อออก แต่ถ้าให้นึกถึง ‘ร้านอาหารเหนือ’ คุณอาจใช้เวลาคิดนานขึ้นอีกนิด และเอาเข้าจริงร้านอาหารเหนือในเมืองก็มีไม่มากเท่าไรนัก โชคดีสำหรับชาวอารีย์-ประดิพัทธ์-สะพานควาย ที่นอกจากจะมี ‘ร้านข้าวซอยอองตอง’ ไปแล้ว ก็ยังมี ครัวเหนือ อีกหนึ่งร้านอาหารภาคเหนือน้องใหม่ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ ระหว่างซอยประดิพัทธ์ 20 กับ 18

The Concept

อาหารเหนือของที่นี่ถูกตีความให้มาในภาพลักษณ์ของหญิงสาว ด้วยเหตุนี้บรรยากาศของร้านจึงใช้โทนสีอ่อนควบคู่ไปกับกลิ่นอายภาคเหนืออย่างโต๊ะเก้าอี้ไม้ โคมไฟสุ่มไก่ และครัวเปิดที่เรียงรายไปด้วยโถวัตถุดิบและสมุนไพรพื้นฐานสำหรับอาหารเหนือ

บรรยากาศนั่งสบายๆ ภายในร้าน

ครัวเหนือได้แม่ครัวชาวอำเภอฝางมาเป็นผู้ครีเอตสารพัดอาหารจานเหนือ โดยมีหนึ่งในหุ้นส่วนร้านเป็นผู้ควบคุมคุณภาพและรสชาติ วัตถุดิบหลายอย่างสั่งตรงจากภาคเหนือ เพื่อให้ได้รสชาติใกล้เคียงข้าวแลงข้าวตอนแบบที่คนเหนือรับประทานกันในชีวิตประจำวัน โดยเจาะจงอำเภอฝางเป็นโจทย์ตีความรสชาติอาหารเหนือ ซึ่งมีความแตกต่างจากอาหารเหนือจังหวัดอื่นแน่นอน จะเป็นอย่างไรต้องไปชิมด้วยตัวเอง

ขันโตกน้ำพริกอ่อง

The Dishes

มากันพร้อมหน้าเมื่อไร ลองสั่งเซตใหญ่มาแบ่งกันกิน ขันโตกน้ำพริกอ่อง (459 บาท) เซตรวมมิตรกับข้าวหลายอย่าง น้ำพริกอ่องที่ให้หมูสับเป็นพระเอก จัดมาแบบเน้นๆ กินได้เต็มปากเต็มคำ หอมกลิ่นพริกคั่วนิดๆ ส่วนมะเขือเทศเป็นพระรอง น้ำพริกจึงไม่แฉะและเปรี้ยว กินกับข้าวเหนียวกระติ๊บ แนมผักลวกอย่างฟักทองจัดว่าเด็ด แล้วต่อด้วยจิ้นปิ้ง จิ้น ภาษาเหนือแปลว่าเนื้อสัตว์ ในเซตมีหมูและตับปิ้งมาเสริมทัพโปรตีนให้น้ำพริกอ่อง ส่วนไส้อั่วทางร้านได้มาจากลำปาง

กินได้สักพักอาจจะฝืดคอ โชคดีที่เซตขันโตกมีจอผักกาดและแกงผักหวานปลาย่างมาด้วย จอผักกาดมีทั้งแบบเปรี้ยวและหวานแล้วแต่วัน ส่วนแกงผักหวานปลาย่างรสแกงกลมกล่อมตามธรรมชาติจากปลาแห้งที่ต้มในน้ำซุป ทำให้มีรสและกลิ่นเฉพาะ แถมยังใส่เนื้อปลาดุกย่างช่วยเพิ่มสัมผัสระหว่างซดน้ำซุป เผลอแป๊บเดียวจะหมดถ้วยแล้ว

เลือกอร่อยได้ตามใจชอบ

ลำพังแค่ขันโตกคงไม่พอ เราแนะนำให้ออร์เดอร์เพิ่ม ลาบคั่ว (89 บาท) หมูสับ ไส้ตัน ตับ มะแขว่น คั่วกับพริกแกงและเลือดตอนสุดท้ายจนสุกทั่วกัน โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว ผักชี และต้นหอม คลุกเคล้าให้เข้ากัน กินกับข้าวเหนียวและผักสด

คั่วโฮะ (89 บาท) มีที่มาจากภูมิปัญญาคนเหนือที่แก้ปัญหาอาหารเหลือด้วยการนำมาผัดรวมกัน เติมวุ้นเส้นหรือหน่อไม้และใส่ผักกับสมุนไพรเพิ่มเข้าไป แต่ปัจจุบันนั้นเปลี่ยนไป คั่วโฮะไม่จำเป็นต้องทำจากอาหารเหลือ แต่เบสด้วยเครื่องแกงและแกงฮังเล ตามด้วยผัก วุ้นเส้น และหมูชิ้น คั่วโฮะของครัวเหนือมาแบบแห้งๆ วุ้นเส้นเหนียวนุ่ม รสชาติเข้มข้น มีแคบหมูให้กินพร้อมกันเพิ่มความกรุบกรอบ

คั่วโฮะหรือแกงดีล่ะ

ต่อด้วย แกงฮังเล (129 บาท) แกงเหนือที่ใช้เวลาทำนาน เนื่องจากต้องใช้เวลาเคี่ยวหมูสามชั้นให้นุ่มลุ่ย ซึ่งต้องมีเวลาเคี่ยว 6 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ผสมพริกแกงที่ร้านทำเองโขลกเอง ยิ่งอุ่นร้อนยิ่งอร่อย เนื่องจากแกงจะมีความงวดขึ้นเรื่อยๆ เคี่ยวตั้งแต่เช้าแบบนี้ ถ้ามากินมื้อเย็นที่นี่แล้วไม่สั่งแกงฮังเลคงไม่ได้แล้ว

ลาบคั่ว

อีกหนึ่งวิธีการจัดการพืชผักท้องถิ่นให้ไม่เหลือทิ้งคือการทำ ยำผัก (69 บาท) โดยนำพริกแกงแดงมาคลุกกับผักนานาชนิด ใส่หมูสับพร้อมปรุงรสเพิ่มอีกเล็กน้อย ที่สำคัญคือการใส่มะระขี้นกชิ้นเล็กเข้าไปด้วย เพื่อให้มีความขมเพิ่มเติม นอกจากจะช่วยตัดรสชาติอาหารจานอื่นและแก้เลี่ยนแล้ว ยำผักนี่แหละเป็นกับแกล้มเบียร์เย็นๆ ได้อย่างดี

นอกจากอาหารเหนือแบบกับข้าว ก็มีแบบอิ่มในชามเดียวเผื่อใครมีเวลาไม่มากหรืออยากกินอะไรที่รวบรัด แน่นอนว่าต้องเป็น ข้าวซอยไก่ (69 บาท) และ ขนมจีนน้ำเงี้ยว (69 บาท) ข้าวซอยครัวเหนือรสชาติต่างจากข้าวซอยที่ขายในกรุงเทพฯ ที่มักจะผสมกะทิในน้ำข้าวซอย แต่ที่นี่จะราดกะทิแค่บนผิวหน้าข้าวซอยเท่านั้น ส่วนเส้นข้าวซอยใช้เส้นเล็กสัมผัสค่อนไปทางแข็ง ส่งตรงจากอำเภอฝาง แถมด้วยหมี่กรอบโปะหน้า ส่วนขนมจีนน้ำเงี้ยวใช้เส้นสดใหม่วันต่อวัน รสชาติเข้มข้นจากพริกแกงที่ร้านโขลกเอง และมีกลิ่นหอมจากงาคั่ว

ข้าวซอยไก่และไอศกรีม

เผ็ดกันมาหลายจาน ส่งท้ายมื้อแลงด้วยของหวานสักหน่อย แนะนำ ไอศกรีมกล้วยตาก และ ไอศกรีมสับปะรดจิ้มบ๊วย (ลูกละ 59 บาท) โฮมเมดไอศกรีมจากระยองที่ผสมเนื้อผลไม้และรสธรรมชาติของผลไม้ หากชื่นชอบความหวาน รสกล้วยตากน่าจะตอบโจทย์ ส่วนใครที่อยากกินอะไรเปรี้ยวๆ เค็มๆ ล้างปาก คงต้องชิมรสสับปะรดจิ้มบ๊วยนี่แหละ เปรี้ยว เค็ม หวาน ครบในคำเดียว