เทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปเร็วแค่ไหนไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับนิสสัน ค่ายรถผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าจากญี่ปุ่น อย่างที่รู้ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% นิสสันก็เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญตลาดนี้ หากดูตัวเลขผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ บนท้องถนนทั่วโลก จำนวนรถยนต์กว่าครึ่งล้านเป็นแบรนด์นิสสัน คงยืนยันได้ว่า หากพูดถึงรถยนต์ EV นิสสันคือผู้เชี่ยวชาญและผู้รู้จริง วันนี้นิสสันแทบไม่ต้องเร่งเครื่องเพื่อทำความเร็วแซงคู่แข่งเลย เพียงแต่ต้องรักษาระยะให้ยืนอยู่ในจุดที่ใครก็ตามไม่ทัน ด้วยการโฟกัสประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าผ่านนโยบาย Customer Promise คำมั่นสัญญาต่อลูกค้า
บัญชา การุณสุนทวงษ์ รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย (Acting Vice President-Network Development) บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกกับ THE STANDARD ว่า การแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดรถยนต์ หากสู้กันด้วยนวัตกรรมหรือเทคโนโลยี คงจะมีบ้างที่ต้องผลัดกันแซงหน้า แต่ถ้าแข่งกันเรื่องการบริการลูกค้า นิสสันขอครองพื้นที่ในใจผู้บริโภคแต่เพียงผู้เดียว
นิสสันพิสูจน์ให้เห็นว่า สามารถครองพื้นที่ในใจผู้บริโภคได้ด้วยยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และได้รับการยอมรับว่าเป็นแบรนด์หนึ่งที่มีการเติบโตอย่างสูงในประเทศไทย “แบรนด์นิสสันมีทางเลือกให้กับลูกค้าทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่ Eco Car ไปจนถึง SUV เหมือนเป็น One Stop Shopping” บัญชากล่าว
หากครองใจผู้บริโภคได้…จะครองตลาดก็ไม่ยาก
นโยบายที่เน้นความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง นำไปสู่แนวทางการดำเนินงานเพื่อพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายนิสสัน เพื่อรองรับความต้องการรถยนต์นิสสันในตลาดมากขึ้น และเพื่อสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนให้กับเครือข่ายฯ บัญชาเชื่อว่า ถ้าผู้จำหน่ายดูแลลูกค้าดี ธุรกิจก็จะยั่งยืน
“เรามีการจัดตั้งคณะที่ปรึกษาผู้จำหน่ายนิสสัน ซึ่งเป็นคณะตัวแทนผู้จำหน่าย ทำงานกันอย่างใกล้ชิดกับบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อให้กลุ่มผู้แทนของดีลเลอร์เป็นกระบอกเสียงให้กับผู้จำหน่ายได้แจ้งสถานการณ์การขาย การตลาด หรือเสียงสะท้อนจากลูกค้า เพราะเราให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นทุกเรื่องที่ดีลเลอร์นำมาพูดคุยเพื่อร่วมกันพัฒนา ปรับปรุง ก็เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ทุกวันนี้สิ่งที่ทำให้แต่ละแบรนด์เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคได้ อาจไม่ใช่เรื่องผลิตภัณฑ์อย่างเดียวแล้ว แต่เป็นเรื่องประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับ”
NRC (Nissan Retail Concept) โชว์รูมรูปแบบใหม่ที่มอบประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้า
และหนึ่งในคำมั่นสัญญาต่อลูกค้านิสสัน (Customer Promise) ที่เห็นได้อย่างชัดเจนในช่วงปีที่ผ่านมาคือ การปรับปรุงมาตรฐานการบริการก่อนและหลังการขาย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ผ่านการออกแบบโชว์รูมและศูนย์บริการตามดีไซน์ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก เรียกว่า NRC (Nissan Retail Concept) “การปรับโฉม NRC จะเป็นเหมือน Visual Identity ใหม่ ถือเป็นก้าวสำคัญของนิสสันที่จะส่งมอบประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้า” บัญชากล่าว
ดีไซน์ใหม่ตามมาตรฐาน NRC ต้องการให้ลูกค้าได้เข้าถึงการบริการอย่างครบครัน ท่ามกลางสภาพแวดล้อม และบรรยากาศที่ดูผ่อนคลาย สะดวกสบาย “อยากให้ลูกค้าที่เข้ามารับบริการสามารถเดินไปยังจุดต่างๆ ภายในโชว์รูมได้อย่างสะดวกสบาย จากเดิมห้องรับรองแยกเป็นสัดส่วน เราเปลี่ยนใหม่ดีไซน์เป็นพื้นที่เปิดโล่ง ให้ Customer Lounge อยู่ระหว่างส่วนขายและส่วนบริการ เพื่อให้ลูกค้าทุกคนมีประสบการณ์เชื่อมโยงกับทุกแผนกได้ เช่น มองเห็นห้องส่งมอบรถ หรือมองเห็นส่วนซ่อมบำรุง จะดูรถของตัวเองขณะซ่อมอยู่จากห้องรับรองก็ยังได้ รวมทั้งได้เห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่อยู่ภายในโชว์รูม”
“จุดเด่นของ NRC ยังอยู่ตรงมุม Nissan Drive ทุกโชว์รูมที่ปรับ NRC จะต้องมีมุมนี้ เป็นมุมสำหรับโชว์โปรดักต์ไฮไลต์ หรือเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ เพิ่มความโดดเด่นให้กับสินค้า ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ Digitalization มีการอธิบายโดยใช้สื่อมีเดียต่างๆ ในโชว์รูม ที่ทำให้ลูกค้าเข้าใจโปรดักต์มากขึ้น”
บัญชาเสริมอีกว่า ภายในสิ้นปี 2562 จะมีทั้งหมด 101 โชว์รูมที่เปลี่ยนเป็น NRC และตั้งเป้าว่าโชว์รูมนิสสันทั่วประเทศจะกลายเป็น NRC ทั้งหมดภายในไม่กี่ปีข้างหน้า THE STANDARD ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมโชว์รูมนิสสัน รุ่งเจริญ คาร์ บางนา กม.13 หนึ่งในโชว์รูมที่เพิ่งปรับ NRC พร้อมทั้งได้พูดคุยกับ สุรพล ชัยตระกูลทอง ประธานกรรมการ โชว์รูมนิสสัน รุ่งเจริญ คาร์ บางนา กม.13 ถึงความพึงพอใจของลูกค้าหลังจากปรับโฉมโชว์รูมในรูปแบบ NRC
“การปรับโชว์รูมรูปโฉมใหม่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้โชว์รูมของเราดูโดดเด่นและทันสมัยขึ้น ตั้งแต่ป้ายทาวเวอร์ที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ลูกค้ามองเห็นโชว์รูมชัดเจน ภายในเราปรับโฉมใหม่หมด ตั้งแต่กระเบื้อง หลอดไฟ เฟอร์นิเจอร์ ตามมาตรฐานนิสสันทั่วโลก รูปโฉมใหม่นอกจากจะเพิ่มมุม Nissan Drive ยังมีห้องส่งมอบรถ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าของเรา จากเมื่อก่อนพนักงานจะนำรถส่งมอบด้านหน้าโชว์รูม เมื่อมีพื้นที่เป็นสัดส่วน พนักงานก็จะอธิบายเรื่องที่ลูกค้าควรทราบก่อนส่งมอบรถ”
ปัจจุบัน สุรพลเป็นเจ้าของโชว์รูมนิสสัน 4 สาขา ได้แก่ นิสสัน รุ่งเจริญ คาร์ (สำนักงานใหญ่), นิสสัน รุ่งเจริญ คาร์ บางนา กม.4, นิสสัน รุ่งเจริญ คาร์ บางนา กม.13 และ นิสสัน รุ่งเจริญ คาร์ บางนา กม.21 และทั้ง 4 สาขาปรับโฉมเป็นโชว์รูป NRC เป็นที่เรียบร้อย “ทุกสาขาเราทำตามมาตรฐาน NRC อาจจะต่างกันไปตามเลย์เอาต์ของแต่ละโชว์รูม อย่างที่บางนา กม.13 พื้นที่เป็นแปลนสร้างใหม่ จึงให้สถาปนิกดีไซน์ควบคู่ไปกับมาตรฐานของนิสสัน”
ไฮไลต์ของการปรับโฉมโชว์รูมรูปแบบใหม่นี้ ก็เพื่อรองรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ นิสสัน ลีฟ ให้มีสถานีชาร์จไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น แต่จะมีเฉพาะโชว์รูมที่ได้รับสิทธิ์ในการจำหน่ายรถยนต์นิสสัน ลีฟ เท่านั้น ซึ่งเกณฑ์การเลือกว่าโชว์รูมจะได้สิทธิ์ในการจำหน่าย บัญชา เผยว่า “เฟสแรกเราเลือกตามจุดยุทธศาสตร์ของแผนที่ประเทศไทย โดยยึดความสะดวกสบายของลูกค้าเป็นที่ตั้ง โชว์รูมที่อยู่บนเส้นทางหรือเมืองหลัก และจังหวัดกลางทางก่อนที่จะถึงเมืองใหญ่ เพื่อให้ลูกค้าสามารถขับรถไปได้ทุกที่ทั่วไทย โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีสถานีชาร์จไฟฟ้า ซึ่งโชว์รูม นิสสัน รุ่งเรือง คาร์ บางนา กม.13 มีศักยภาพด้านการบริการลูกค้า และโลเคชันเป็นจุดยุทธศาสตร์ก่อนเดินทางไปสู่ภาคตะวันออก”
สุรพล กล่าวเสริมว่า ภายใต้การบริหารงานโชว์รูมทั้ง 4 สาขา เน้นเรื่องการให้บริการเป็นสำคัญ ตามแนวคิดของนิสสัน จนสามารถคว้ารางวัลสาขาที่มียอดขายเติบโตสูงสุดไปครอง “ปีที่ผ่านมาเริ่มเน้นพัฒนาบุคลากรด้านการขาย ไม่ว่าจะส่งพนักงานไปฝึกอบรมกับบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ตามที่นิสสันกำหนด ทั้งเรื่องทักษะการขาย ทักษะการซ่อมบำรุง โดยเฉพาะระบบรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องเรียนรู้เป็นพิเศษ ให้พร้อมบริการลูกค้าที่ซื้อรถยนต์นิสสัน ลีฟ”
นิสสัน ลีฟ โฉมใหม่ ชูความเป็นผู้นำรถยนต์ EV ด้วย Nissan Intelligent Mobility
นิสสัน ลีฟ เจเนอเรชันที่ 2 มาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย Nissan Intelligent Mobility เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ขับขี่ บัญชายังบอกถึงจุดเด่นของเทคโนโลยีอีกว่า Nissan Intelligent Mobility มี 3 ด้าน ได้แก่ เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving) หนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญของนิสสันคือ e-Pedal อุปกรณ์มาตรฐานใหม่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกในการออกตัว เร่งความเร็ว ลดความเร็ว หยุดนิ่ง และควบคุมตัวรถให้อยู่กับที่ด้วยการใช้แป้นคันเร่งอย่างเดียว ถือเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ได้อย่างสิ้นเชิง”
“ด้านที่สองคือ เทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Intelligent Power) หัวใจหลักของเทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะในนิสสัน ลีฟ ใหม่ คือระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (e-Powertrain) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมกับมีแรงบิดและพละกำลังที่สูงขึ้น ขับขี่ได้ไกลขึ้น 311 กิโลเมตร ด้วยชุดแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดอัดซ้อน และด้านสุดท้าย เทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Intelligent Integration) ได้แก่ ระบบ Vehicle-to-grid ของแบตเตอรี่ของนิสสัน ลีฟ ใหม่ สามารถสะสมพลังงานให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จากพลังงานส่วนเกินในเวลากลางวัน เพื่อนำกระแสไฟฟ้ามาใช้งานภายในบ้านช่วงกลางคืน”
ตอนนี้นิสสันยังร่วมมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้านิสสัน ลีฟ จะสามารถติดเครื่องชาร์จไฟฟ้าที่บ้านได้ และทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเองก็จะขยายสถานีชาร์จไฟให้ด้วยภายในอนาคตอันใกล้
ส่วนเรื่องประสบการณ์การขับขี่นิสสัน ลีฟ คุณอาจต้องไปลองสัมผัสด้วยตัวเองทั้ง 33 สาขาทั่วประเทศ รับรองว่าคุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่จาก Nissan Intelligent Mobility รวมถึงประสบการณ์ดีๆ จากโชว์รูปรูปโฉมใหม่ NRC อย่างแน่นอน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
