วันนี้ (2 สิงหาคม) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ในระยะนี้ผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มมากขึ้น และทาง อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายให้ สปสช. จัดระบบเฉพาะกิจเป็นระบบเสริมเพื่อช่วยโรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลดูแลผู้ป่วย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา สปสช. ได้เปิดให้ผู้ติดเชื้อที่ยังไม่ได้รับการดูแล สามารถโทรเข้าสายด่วน 1330 เพื่อแจ้งอาการ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะประเมินอาการในเบื้องต้น หากเข้าข่ายที่จะได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ ก็จะดำเนินการจัดส่งยาให้ถึงบ้าน
โดยผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 23-30 กรกฎาคมที่ผ่านมา สปสช. ได้จัดส่งยาฟาวิพิราเวียร์แก่ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับยาแล้วทั้งสิ้น 1,941 เคส เตรียมนำจ่าย 361 เคส และอยู่ระหว่างการจัดส่งอีก 93 เคส ขณะที่เคสที่จัดส่งไม่สำเร็จมีจำนวน 25 เคส ส่วนมากจัดส่งไม่สำเร็จเพราะผู้ป่วยปิดบ้าน บริษัทหยุด ติดต่อผู้รับไม่ได้ และผู้รับปฏิเสธการรับ
นพ.จเด็จกล่าวอีกว่า กระทรวงสาธารณสุขได้สนับสนุนยาฟาวิพิราเวียร์ให้กับ สปสช. ซึ่งรอบแรกได้รับ 40,000 เม็ด และครั้งที่ 2 ได้รับอีก 100,000 เม็ดจากโรงพยาบาลราชวิถี และวานนี้ (1 สิงหาคม) กระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรยาโมลนูพิราเวียร์มาให้ สปสช. เพิ่มอีก 150,000 เม็ด ซึ่งผู้ป่วยที่โทรแจ้งสายด่วน 1330 ที่จำเป็นต้องได้รับยาในช่วงต่อไปจะได้รับยาโมลนูพิราเวียร์แทน ซึ่งยาตัวนี้ออกฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสชนิด RNA และลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงเช่นเดียวกับยาฟาวิพิราเวียร์ โดยได้รับการอนุมัติจากศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด ให้ใช้ในไทยแล้ว
“ตามแนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกรมการแพทย์ สปสช. จะจัดส่งยาโมลนูพิราเวียร์ให้แก่ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง หรือมีโรคร่วมสำคัญ หรือผู้ป่วยที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงแต่มีปอดอักเสบเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเน้นในกลุ่มผู้มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป, ผู้มีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง, โรคไตเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคหัวใจแต่กำเนิด, โรคหลอดเลือดสมอง, เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้, ผู้มีภาวะอ้วน, ผู้ป่วยตับแข็ง, ผู้มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ และผู้ติดเชื้อ HIV ที่มี CD4 cell count น้อยกว่า 200 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร แต่จะไม่ใช้ยานี้กับหญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่อยู่ระหว่างให้นมบุตร” นพ.จเด็จกล่าว