×

เปิดกล่องไปรษณีย์ที่มีระเบิด ปืน และยาบ้า ทำไมตำรวจถึงรู้ และไปรษณีย์ไทยรับมืออย่างไร

07.06.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) เผย ตรวจพบยาเสพติด อาวุธสงคราม และปืนทางไปรษณีย์หลายครั้ง นับตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา พบปืน 600 กระบอก กระสุนปืนกว่า 20,000 นัด และยาเสพติดอีกจำนวนมาก
  • คดีที่พบส่วนใหญ่มีเบาะแสจาก 2 ช่องทาง คือทางเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทยใช้เครื่องสแกนโลหะตรวจพบ และอาศัยเครือข่ายของตำรวจที่มีอยู่แล้วในโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ
  • กระบวนการขนส่งอาวุธหรือยาเสพติดทางไปรษณีย์ ส่วนใหญ่ 90 เปอร์เซ็นต์ จะเริ่มต้นจากการสั่งซื้อออนไลน์ แล้วนำไปสู่การขนส่งทางไปรษณีย์
  • บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด แจงมาตรการความปลอดภัยโดยติดตั้งกล้องวงจรปิด รวมถึงนำเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดแบบตรวจโลหะและแบบเอ็กซเรย์มาใช้ในศูนย์ไปรษณีย์ทั่วประเทศอีกด้วย

     29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ร่วมกับทหาร จับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติด 4 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 40,000 เม็ด กัญชาหนัก 10 กิโลกรัม ยาแก้ไอ 50 ขวด และยาไอซ์น้ำหนัก 150 กรัม กล่องไปรษณีย์ 20 กล่อง โดยกลุ่มผู้ต้องหาเหล่านี้ใช้วิธีขนส่งยาเสพติดทางไปรษณีย์ให้ลูกค้าทั่วประเทศ โดยทำการเปิดรับออร์เดอร์ผ่านเฟซบุ๊ก

     ถัดมาเพียง 2 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 6 ได้แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด พร้อมของกลางเป็นกัญชาอัดแท่งบรรจุกล่องไปรษณีย์จำนวน 44 กล่อง น้ำหนักรวม 71 กิโลกรัม และยาบ้าจำนวน 202 เม็ด คิดเป็นมูลค่ากว่า 426,000 ล้านบาท เตรียมจัดส่งทางไปรษณีย์ให้กับลูกค้าทางภาคใต้

     ล่าสุดวันที่ 2 มิถุนายน สน. บางเขนรับแจ้งจากศูนย์บริการรับส่งพัสดุเอกชน Kerry Express สาขาบางเขน พบกล่องไปรษณีย์บรรจุระเบิด M67 จำนวน 2 ลูก ระเบิด M26 จำนวน 2 ลูก ลักษณะสมบูรณ์พร้อมใช้ และอีกกล่องพบกระสุนปืนเอชเคจำนวนอีก 100 นัด เตรียมส่งไปยังจังหวัดชลบุรี

     สรุปได้ว่า เพียงรอบสัปดาห์กลับเกิดเหตุในลักษณะเดียวกันถึง 3 ครั้ง! ยังไม่นับรวมอีกหลากหลายกรณีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในรอบปีที่ผ่านมา

     เกิดอะไรขึ้นกับระบบขนส่งไปรษณีย์ของไทย ทำไมไปรษณีย์จึงกลายเป็นช่องทางลำเลียงสิ่งผิดกฎหมาย THE STANDARD พยายามหาคำตอบด้วยการต่อสายถึง พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191)

 

8 เดือนพบปืนกว่า 600 กระบอก กระสุนปืนกว่า 20,000 นัด และยาเสพติดอีกอื้อ

     พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ เปิดเผยกับ THE STANDARD ว่า ที่ผ่านมามีการตรวจพบทั้งยาเสพติด อาวุธสงคราม หรือปืนที่มีการจัดส่งทางไปรษณีย์อยู่หลายครั้ง โดยทางกองบังคับการฯ 191 ได้ทำงานร่วมกับไปรษณีย์ไทยอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากการขนส่งทางไปรษณีย์เป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็ว จึงเป็นเหตุให้มิจฉาชีพอาจใช้ช่องทางนี้ในการลำเลียงสิ่งผิดกฎหมายได้

     ยิ่งขณะนี้มีเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะโซเชียลเน็ตเวิร์กและเว็บไซต์ต่างๆ มิจฉาชีพจึงใช้ช่องทางเหล่านี้คู่ขนานกันไปในการสั่งซื้อยาเสพติดหรืออาวุธสงครามต่างๆ อย่างแพร่หลาย

     ซึ่งจากผลการดำเนินการอย่างเข้มข้นตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ ระบุว่าสามารถจับกุมและตรวจพบอาวุธสงครามหรืออาวุธปืนแล้วทั้งสิ้นกว่า 600 กระบอก กระสุนปืนกว่า 20,000 นัด และยาเสพติดอีกเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเมื่อมีข่าวการจับกุมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะทำให้การขนส่งสิ่งผิดกฎหมายทำได้ยากขึ้นและมีจำนวนลดลง เพราะประชาชนและเจ้าหน้าที่ตื่นตัวมากขึ้น

     “ข้อมูลข่าวสารที่ออกไปยิ่งดี เพราะยิ่งจะทำให้ประชาชนตื่นตัว ช่วยกันแจ้งเบาะแสได้มากขึ้น การที่จะมีใครคิดใช้ช่องทางนี้ก็ต้องลดลง เพราะตำรวจรู้เส้นทางแล้ว ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสที่จะค้นพบช่องโหว่และหาวิธีวางมาตรการร่วมกันระหว่างตำรวจและไปรษณีย์ไทยต่อไป”

 

กล่องไหนมีของผิดกฎหมาย ตำรวจรู้ได้อย่างไร

     สำหรับที่มาในการจับกุมและตรวจพบสิ่งผิดกฎหมายทางไปรษณีย์ พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่าคดีที่พบส่วนใหญ่จะมีเบาะแสมาจาก 2 ช่องทาง คือทางเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทยใช้เครื่องสแกนโลหะตรวจพบ และอาศัยเครือข่ายของตำรวจที่มีอยู่แล้วทั้งในโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ เพื่อติดตามขยายผลต่อไป

     “คือกระบวนการขนส่งอาวุธหรือยาเสพติดทางไปรษณีย์ ส่วนใหญ่ 90 เปอร์เซ็นต์จะเริ่มต้นจากการสั่งซื้อออนไลน์ แล้วนำไปสู่การขนส่งทางไปรษณีย์ ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงสามารถทราบเบาะแสได้จากการติดตามเครือข่ายในโลกออนไลน์อย่างใกล้ชิด เมื่อประสานข้อมูลจากไปรษณีย์ไทยก็ยิ่งทำให้การตรวจพบมีจำนวนมากขึ้น”

     นอกจากนี้ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษยังเปิดเผยด้วยว่า จากสถิติที่มีอยู่พบว่า เว็บไซต์หรือเฟซบุ๊กซื้อขายสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ เริ่มมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด หลังตำรวจมีการจับกุมและกวดขันอย่างจริงจัง

 

ไปรษณีย์ไทยคุมเข้มและประกาศห้ามส่งยาเสพติด อาวุธ หรือสิ่งหยาบช้า ฯลฯ

     ทางด้านบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) ชี้แจงถึงมาตรการความปลอดภัยในการฝากส่งสิ่งของทางไปรษณีย์ เพื่อให้เป็นไปตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ทางไปรษณีย์ไทยได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ภายในที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีการนำเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดแบบตรวจโลหะและแบบเอ็กซเรย์มาใช้ในศูนย์ไปรษณีย์ทั่วประเทศอีกด้วย

     พร้อมประกาศสิ่งของต้องห้ามในการฝากส่งไปรษณีย์ ซึ่งประกอบไปด้วย

     1. สัตว์มีชีวิต

     2. สิ่งเสพติด

     3. สิ่งลามกอนาจาร หรือสิ่งที่มีถ้อยคำ เครื่องหมาย ลวดลายหยาบช้า

     4. วัตถุระเบิด อุปกรณ์ระเบิดที่มีแรงและไม่มีแรงระเบิด ปลอกกระสุน หรือสิ่งคล้ายคลึง

     5. วัตถุไวไฟ

     6. วัตถุมีคมที่ไม่มีเครื่องห่อหุ้ม ป้องกัน

     7. สิ่งโสโครกหรือสิ่งมีพิษที่อาจทำให้เกิดอันตรายแก่เจ้าพนักงาน

     8. ธนบัตร

     9. สิ่งของปลอมแปลงหรือลอกเลียนแบบโดยละเมิดลิขสิทธิ์

 

     นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือผู้ใช้บริการให้แสดงบัตรประจำตัวประชาชนแก่เจ้าหน้าที่ทุกครั้งในการฝากส่งสิ่งของทางไปรษณีย์ เพื่อป้องกันการส่งสิ่งของผิดกฎหมายเข้าสู่เส้นทางไปรษณีย์

     พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ยังระบุด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าบริษัทไปรษณีย์เอกชนมีเครื่องมือและมาตรการในการตรวจสอบอาวุธหรือยาเสพติดที่ส่งผ่านไปรษณีย์หรือไม่ แต่ยืนยันว่าทุกบริษัทจะต้องดำเนินการภายใต้มาตรการเดียวกัน และเร็วๆ นี้จะเตรียมนัดหารือร่วมกันเพื่อวางมาตรการในอนาคตต่อไป

 

     ทั้งนี้ THE STANDARD พยายามติดต่อไปที่บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยในการส่งพัสดุ แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เนื่องจากขณะนี้กำลังประสานข้อมูลกับทางตำรวจ และคดีความกำลังอยู่ในชั้นสืบสวน

 

ภาพประกอบ: AEA.O

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising