ทำไมโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ จึงถอนตัวจากเฟรนช์ โอเพ่น วิธีบริหารความสำเร็จในวัยใกล้เกษียณของนักเทนนิสระดับโลก

“Success is a lousy teacher. It seduces smart people into thinking they can’t lose”

“ความสำเร็จคือครูที่ล่อลวงให้คนฉลาดคิดว่าตัวเองไม่มีวันแพ้ได้”

นี่คือประโยคที่บิล เกตส์ เศรษฐีพันล้านและผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟต์เคยพูดไว้กับโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ในวันที่เขาลงสนามเพื่อเล่นเทนนิสร่วมกันในงานการกุศลที่ซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นคำพูดที่เหมาะสมกับวัยและเวลาของแชมป์แกรนด์สแลม 18 รายการที่ยังคงโลดแล่นอยู่ในการแข่งขันระดับสูงสุดของวงการเทนนิสโลก

โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ถือว่าเป็นนักเทนนิสที่ประสบความสำเร็จมายาวนาน ด้วยแชมป์แกรนด์สแลม 18 รายการ และสถิติชนะ 19 แพ้ 1 ในปี ค.ศ. 2017 ทำให้เขาและราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสชาวสเปน วัย 30 ปี มีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งของโลกอีกครั้งหลังจบฤดูกาลนี้ พร้อมกับถ้วยแชมป์แกรนด์สแลม

แต่เมื่อเฟเดอเรอร์อยู่ในระดับสูงสุด และกำลังจะก้าวสู่วัย 36 ปีในเดือนสิงหาคมนี้ การตัดสินใจที่ดีอาจไม่ใช่การพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดของร่างกาย แต่คือการเลือกใช้โอกาสที่มีอยู่ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

เหมือนกับที่เฟเดอเรอร์ประกาศถอนตัวจากการแข่งขันเฟรนช์ โอเพ่น ในปีนี้ เพราะรู้ว่าการลงแข่งขันคอร์ตดินจะส่งผลกระทบกับร่างกายของเขา

สิ่งที่เฟเดอเรอร์ในวัย 36 ปีทำจึงไม่ใช่การตะลุยลงแข่งทุกรายการ แต่เป็นการเลือกตารางการแข่งขันที่จะสร้างประโยชน์สูงสุดในระยะยาวให้กับเขา

คอร์ตดินกับความพ่ายแพ้ของเฟเดอเรอร์

ในการแข่งขันเฟรนช์ โอเพ่น ที่ผ่านมา เฟเดอเรอร์แพ้ให้กับราฟาเอล นาดาล ราชาคอร์ตดินถึง 4 ครั้งในรอบชิงชนะเลิศ (ค.ศ. 2006, 2007, 2008 และ 2011) มีเพียงปี ค.ศ. 2009 เท่านั้นที่เขาไม่ได้พบกับนาดาล และคว้าแชมป์ไปครอง

แต่นาดาลก็ไม่ใช่อุปสรรคเดียวของเฟเดอเรอร์ในการแข่งขันคอร์ตดิน เขาเคยแพ้ 2 เซตรวดให้กับโนวัค ยอโควิช ในรอบรองชนะเลิศปี ค.ศ. 2012 และแพ้ให้กับโจ-วิลฟรีด ซองกา นักเทนนิสเจ้าถิ่น และสตานิสลาส วาวรินกา ในปี ค.ศ. 2013 และ 2015 รวมถึงเออร์เนสต์ส กูลบิส ก็เอาชนะเฟเดอเรอร์ได้ในรอบ 16 คนสุดท้ายเมื่อปี ค.ศ. 2014

เฟเดอเรอร์ ถอนตัวจากมาดริด โอเพ่น 2016

หลังจากมีอาการบาดเจ็บที่หลังก่อนจะถอนตัวจากเฟรนช์ โอเพ่น เช่นกัน

และไปลงเล่นครั้งสุดท้ายที่วิมเบิลดัน และปิดฤดูกาล 2016 ด้วยการบาดเจ็บที่หัวเข่า

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2016 หลังเฟเดอเรอร์ถอนตัวจากเฟรนช์ โอเพ่น เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่หลัง ก่อนที่จะกลับมาลงสนามในคอร์ตหญ้าที่วิมเบิลดัน และพ่ายให้กับมิลอส ราโอนิค ในรอบรองชนะเลิศ

นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เราได้เห็นเฟเดอเรอร์ลงสนามในปี ค.ศ. 2016 สื่อต่างประเทศต่างเริ่มตั้งคำถามถึงสภาพร่างกายของเฟเดอเรอร์

หรือว่าเขาจะมาถึงวันสุดท้ายในการหวดลูกสักหลาดแล้ว?

ซึ่งคำถามนี้ก็อยู่ในใจของทีมงานเฟเดอเรอร์ในวัย 35 ปี ก่อนตัดสินใจถอนตัวเช่นกัน เนื่องจากการลงเล่นในคอร์ตดินต้องอาศัยพละกำลังและเทคนิคในการเล่นขั้นสูง ซึ่งอาจส่งผลให้เฟเดอเรอร์ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง

นี่คือการตัดสินใจที่คำนวณถึงประโยชน์สูงสุดในวิชาชีพ ไม่ใช่เพราะเฟเดอเรอร์อ่อนแอเกินไปที่จะลงเล่นคอร์ตดิน

“คุณต้องมีความกระหาย ถ้าผมแพ้ในรอบ 2 ทุกสัปดาห์ แน่นอนว่าผมมีความสุขที่ผมยังสามารถลงแข่งได้ แต่มันไม่ใช่ความสุขของนักเทนนิส

“ผมประสบความสำเร็จมากเกินกว่าที่การแข่งขันรอบที่ 2 จะมอบความสุขให้กับผมได้”

เฟเดอเรอร์เป็นนักเทนนิสที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมมากที่สุดที่ 18 ครั้ง

และส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จกับคอร์ตหญ้าที่วิมเบิลดัน

ความกระหายความสำเร็จที่ไม่เคยจางหาย

นักกีฬาทุกคนที่ยังคงลงสนามล้วนมีเป้าหมายที่จะประสบความสำเร็จ เหมือนกับเฟเดอเรอร์ในวัยเกือบ 36 ปี ที่รู้ว่าการจะไปถึงเป้าหมายในวันนี้ การบริหารจัดการและวางแผนเป็นสิ่งสำคัญ

แต่ระหว่างทางของการไล่ล่าความสำเร็จครั้งนี้ ในวันที่นักเทนนิสมือหนึ่งและสองของโลกกำลังอยู่ในช่วงที่ค้นหาความยิ่งใหญ่ของตัวเองไม่เจอ เฟเดอเรอร์ก็ไม่สามารถประมาท #NextGenATP (แฮชแท็กนี้ใช้พูดถึงนักเทนนิสดาวรุ่งของวงการเทนนิสโลกในทวิตเตอร์) อย่างอเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ ดาวรุ่งชาวเยอรมันวัย 20 ปีที่คว้าแชมป์ศึกเอทีพี ทัวร์ รายการโรมมาสเตอร์ส ด้วยการเอาชนะโนวัค ยอโควิช นักเทนนิสมืออันดับสองของโลกไป 2 เซตรวด รวมถึงโดมินิก ธีม นักเทนนิสชาวออสเตรีย วัย 23 ปี ที่เอาชนะนาดาล ราชาคอร์ตดินในรอบ 8 คนสุดท้ายในรายการเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ที่จะก้าวขึ้นมาเขย่าบัลลังก์ของนักเทนนิสรุ่นเก่าที่ครองตำแหน่งมือ 1-5 ของโลก ซึ่งวันนี้ล้วนก้าวพ้นวัย 30 กันหมดแล้ว

เฟเดอเรอร์ในวัยย่างปีที่ 36 คงรู้ถึงสัจธรรมข้อหนึ่งดีว่า ไม่มีสิ่งใดในโลกคงอยู่ยั่งยืนตลอดไป ความสำเร็จก็เช่นกัน แต่ในวันที่ยังต้องลงสนาม ไม่มีนักกีฬาคนใดอยากพ่ายแพ้

การประกาศถอนตัวจากการแข่งขันเฟรนช์ โอเพ่น ในปีนี้ของเฟเดอเรอร์จึงเป็นการบริหารความสำเร็จเพื่อมุ่งหน้าไปสู่ชัยชนะที่หวังไว้นั่นเอง